ครองบอลเยอะแต่ไร้ประสิทธิภาพ! จุดอ่อนใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด
- aywutwork2020
- 7 พ.ย. 2563
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 9 ธ.ค. 2563
จริงอยู่ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ คือทีมที่ไม่สามารถประมาทได้จากการที่พวกเขาเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของตุรกีเมื่อฤดูกาลก่อน รวมถึงยังมีนักเตะที่เคยทำผลงานได้โดดเด่นกับใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลายราย อย่างเช่น เดมบ้า บา, มาร์ติน สเคอร์เทล และ ราฟาเอล ดา ซิลวา แต่หลายคนก็ยังคิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรจะเป็นฝ่ายชนะในการเจอกันเมื่อวันพุธที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพราะพวกเขามีชื่อชั้นเหนือกว่า และ 2 เกมก่อนหน้านี้ บาซัคเซเฮียร์ ก็แพ้มาทั้งหมด ต่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เก็บมาได้ทั้ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ แอร์เบ ไลป์ซิก

น่าเศร้าที่ความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดท่าแพ้ทีมจากตุรกี 1-2 ซึ่งจุดใหญ่ที่หลายคนให้ความสนใจจากเกม สล็อต ได้เงินจริง นัดนี้คือจังหวะเสียประตูแรกที่ผู้เล่น "ปีศาจแดง" เล่นดันขึ้นสูงกันหมดทีม (ยกเว้น ดีน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเป็นผู้รักษาประตู) ในตอนที่ได้ลูกเตะมุม ทำให้พอโดนสวนกลับเร็วแล้วก็ไม่มีใครหยุด บา เอาไว้ได้ ก่อนที่ บา จะยิงเข้าไปในนาทีที่ 12
อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ขาดหายไปคือจิตนาการในการเล่น เพราะในบรรดา 4 เกมจากทุกรายการที่พวกเขาแพ้ในฤดูกาลนี้นั้น นี่ถือเป็นนัดที่ 3 ที่พวกเขามีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเยอะกว่าคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ได้ โดยเกมเดียวที่พวกเขาแพ้ในสภาพที่มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลน้อยกว่าคือนัดแพ้ สเปอร์ส 1-6
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นความผิดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ที่ไม่มีแผนสำรอง หรือไม่มีแนวทางการเล่นเกมรุกแบบอื่น ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องเปอร์เซ็นต์การครองบอลใน 3 นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ทั้งที่ได้ครองบอลมากกว่าคู่แข่งกัน
- นัดเจอ คริสตัล พาเลซ : แพ้ 1-3 นัดแรกของฤดูกาล 2020-21 ที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น เกิดขึ้นจากการที่พวกเขาได้ครองบอลสูงถึง 75.8 เปอร์เซ็นต์ ตรงกันข้ามกับ พาเลซ ที่พอจบเกมแล้วได้ครองบอลไปเพียง 24.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่จริงเกมนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส มิดฟิลด์คนสำคัญของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เล่นกับบอลเยอะพอตัวจนถึงขั้นได้ครองบอล 11 เปอร์เซ็นต์ จากการครองบอลทั้งหมด 75.8 เปอร์เซ็นต์ของทีม โดยเขาคือคนที่ได้ครองบอลมากที่สุดของ "ปีศาจแดง" ในวันนั้น แต่ด้วยความที่แนวรุกไม่มีจินตนาการและความหลากหลายมากเท่าที่ควรทำให้การครองบอลเยอะขนาดนั้นมันไม่ได้ส่งผลดีกับรูปเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด มากเท่าไหร่
ทั้งนี้ วันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีจังหวะทำประตู 17 หน เยอะกว่า พาเลซ ที่ได้ยิงไป 14 ด้วย แต่ส่วนใหญ่มันเป็นการยิงแบบไม่อันตรายอะไร โดยมีถึง 9 หนที่ลูกยิงของพวกเขาติดบล็อกของผู้เล่น พาเลซ
- นัดเจอ อาร์เซน่อล : แพ้ 0-1 53.3 เปอร์เซ็นต์ คือจำนวนการได้ครองบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันนั้น ขณะที่ อาร์เซน่อล ได้ครองบอลเพียง 46.7 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการหลอกตา เพราะวันนั้นมันไม่มีกองกลางคนไหนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ครองบอลเยอะกว่าแนวรับของทีมเลย คนที่ได้ครองบอลมากที่สุดในวันนั้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ด้วยตัวเลข 8.7 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนการครองบอลรวมของทีม 53.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอันดับ 2 เป็น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ทำไป 6 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย อารอน วาน-บิสซาก้า ที่ 5.6 เปอร์เซ็นต์
ยิ่งไปกว่านั้น บรูโน่ ยังไม่ใช่กองกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ครองบอลมากที่สุดในวันนั้นด้วย เพราะเขามีโอกาสได้ครองบอลเพียง 3.8 เปอร์เซ็นต์ โดยมิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ครองบอลมากที่สุดในวันนั้นคือ เฟร็ด ที่จำนวน 4.8 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่ามันเป็นอีกครั้งที่เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้สร้างความอันตรายอะไรให้กับคู่แข่งเลย
- นัดเจอ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ : แพ้ 1-2 ในเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ครองบอลมากถึง 68.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เจ้าถิ่นมีตัวเลขด้านนี้เพียง 31.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ก็เป็นอีกครั้งที่มันเป็นการครองบอลเยอะขนาดนั้นมันไม่ได้มีผลดีอะไรกับเกมรุกของพวกเขา เพราะในจำนวนนั้นคนที่ได้ครองบอลมากที่สุดคือ เนมานย่า มาติช ที่ตัวเลข 11.3 เปอร์เซ็นต์ และ มาติช ก็แทบไม่ได้มีส่วนอะไรกับเกมรุกเลย ขนาดอันดับ 2 ของทีมในด้านการครองบอลในเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมายังไม่ใช่ บรูโน่ แต่เป็น ลุค ชอว์ คนที่ทำแอสซิสต์ให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ทำประตูได้ ด้วยตัวเลข 8.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วน บรูโน่ ตามมาเป็นที่ 3 จากจำนวน 7.9 เปอร์เซ็นต์
การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ครองบอลเยอะหลายนัดแต่กลับแพ้มันพอจะสื่อได้เหมือนกันว่า โซลชา มักจะพาทีมโชว์ฟอร์มเก่งไม่ออกเวลาเจอกับทีมที่เน้นเกมรัดกุม แต่มักจะทำผลงานได้ดีเวลาเจอกับทีมที่เน้นเปิดเกมบุกใส่ อย่างเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 นัดก่อนหน้านี้ที่ชนะ ปารีสฯ กับ ไลป์ซิก นั้น พวกเขายังได้ครองบอลน้อยกว่าทั้ง 2 ทีมเลย (39 เปอร์เซ็นต์เกมเจอ ปารีสฯ และ 47.3 เปอร์เซ็นต์นัดเจอ ไลป์ซิก)
โซเชียลเดือด!แฟนแมนยูหมดความอดทนโซลชา-จิ้มคนมาแทนให้แล้ว
โซเชียลเดือดหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่งผลให้แฟน "ปีศาจแดง" รวมตัวขับไล่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และจิ้มเลือกกุนซือใหม่ให้เลย

แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ASIAXX1 ยูไนเต็ด จำนวนมากในโลกออนไลน์ หมดความอดทนกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ และเรียกร้องให้สโมสรปลดได้แล้ว หลังนำ "ปีศาจแดง" ออกไปแพ้ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ 1-2 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช นัดสาม เมื่อวันพุธที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้มา 2 เกมติด หลังนัดที่แล้วแพ้ อาร์เซน่อล คาบ้าน 0-1 ทำให้รั้งอันดับ 15 ใน พรีเมียร์ลีก ก่อนมีโปรแกรมต้องออกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ในวันเสาร์ที่ 7 พ.ย.นี้ แต่แฟนบอลหลายรายไม่อยากเห็น โซลชา ทำงานต่อไปแล้ว โดยหวังให้สโมสรรีบไปดึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้ามากุมบังเหียนแทน
พ่อมดคำนวณวิเคราะห์โอกาสคว้าแชมป์ชปล.ทุกทีม

ว่ากันด้วยสถิติและข้อมูล! พ่อมดแห่งการคำนวณ วิเคราะห์โอกาสคว้าแชมป์ของแต่ละทีมในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ชู บาเยิร์น มีเปอร์เซ็นต์มากสุด
เนต ซิลเวอร์ นักสถิติคนดังระดับโลกชาวอเมริกัน และเจ้าของบล็อก ไฟฟ์ เธอร์ตี้ เอจท์ นำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อหาทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2020/21 หลังจากที่เตะรอบแบ่งกลุ่มกันไปแล้ว 3 นัด
ผลวิเคราะห์ของ ซิลเวอร์ ซึ่งได้รับฉายาว่า พ่อมดแห่งการคำนวณ ออกมาว่า บาเยิร์น มิวนิค มีโอกาสคว้าแชมป์มากสุดที่ 26 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 17 เปอร์เซ็นต์
ผลการวิเคราะห์ถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก
ทีม โอกาสเข้ารอบรองชนะเลิศ โอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศ โอกาสคว้าแชมป์
1. บาเยิร์น 59% 40% 26%
2. แมนฯ ซิตี้ 49% 30% 17%
3. บาร์เซโลน่า 39% 21% 10%
4. ลิเวอร์พูล 34% 16% 7%
5. ดอร์ทมุนด์ 27% 13% 6%
6. เรอัล มาดริด 22% 11% 5%
7. เปแอสเช 16% 9% 4%
7. เชลซี 16% 9% 4%
9. แอต.มาดริด 18% 8% 4%
10. ไลป์ซิก 17% 7% 3%
11. แมนฯ ยูไนเต็ด 16% 6% 3%
12. อินเตอร์ มิลาน 10% 4% 2%
13. ยูเวนตุส 14% 5% 2%
13. เซบีย่า 14% 5% 2%
ความคิดเห็น