ดอร์ทมุนด์เฮ! "ฮาแลนด์" ฟิตสมบูรณ์พร้อมฟัดดุสเซลดอร์ฟ
- aywutwork2020
- 13 มิ.ย. 2563
- ยาว 3 นาที

แฟนๆ "เสือเหลือง" ได้รับข่าวดี เมื่อ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ หัวหอกคนสำคัญ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พร้อมคัมแบ็กช่วยทีมในเกมดวลกับ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ วันเสาร์นี้ ขณะที่ มาร์โค รอยส์ จ่อคืนสนามเต็มที
ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์เลือดสวิสของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เผยว่า เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่งของทีม กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และพร้อมลงสนามช่วยทีมในเกม บุนเดสลีกา เยอรมัน นัดที่ทัพ "เสือเหลือง" มีคิวบุกไปเยือน ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายนนี้ UFA23
ฮาแลนด์ ไม่ได้ช่วยทีมตลอดช่วง 2 เกมที่ผ่านมา หลังได้รับบาดเจ็บหัวเข่าจากเกมบิ๊กแมตช์ที่ ดอร์ทมุนด์ แพ้ บาเยิร์น มิวนิค คาบ้าน 0-1 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทว่าล่าสุด หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์วัย 19 ปี พร้อมแล้วสำหรับเกมวันเสาร์นี้ หลังกลับมาซ้อมได้อย่างไม่มีปัญหา ขณะที่ มาร์โค รอยส์ กัปตันทีมคนสำคัญ ใกล้กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว หลังพักแข้งยาวมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เพราะปัญหาบาดเจ็บที่ต้นขา
"ฮาแลนด์ ลงซ้อมมาตั้งแต่วันพุธแล้ว และมีส่วนร่วมกับการฝึกซ้อมทุกอย่าง เขาดูดีทีเดียว" ฟาฟร์ กล่าวระหว่างงานแถลงข่าว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน "ส่วนคนอื่นๆ ที่ได้ลงเล่นเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็โอเคเช่นกัน"
"มาร์โค กลับมาลงซ้อมแล้วในสัปดาห์นี้ เราทุกคนต่างแฮปปี้ที่เห็นเขากลับมาซ้อมได้อีกครั้ง และหวังว่าเขาจะลงเล่นได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ ผมกำหนดวันที่แน่ชัดไม่ได้ แต่เขาจะลงซ้อมอีกในวันศุกร์นี้"
เวลานี้ ดอร์ทมุนด์ รั้งอันดับสองในตารางคะแนน บุนเดสลีกา โดยมี 63 แต้ม จากการลงแข่ง 30 นัด ตามหลัง บาเยิร์น ทีมจ่าฝูง 7 แต้ม
20 ทีมพรีเมียร์ฯหนุนพิมพ์ "BlackLives Matter" แทนชื่อนักฟุตบอล

สื่อผู้ดี เผย 20 ทีมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ยินยอมพร้อมใจด้วยที่จะนำชื่อนักเตะบนหลังเสื้อแข่งออก และแทนที่ด้วยข้อความในการสนับสนุนการต่อต้านการเหยียดผิว ในช่วงที่เกมพรีเมียร์ลีก รีสตาร์ท แถมยังอาจขอให้พ่อค้าแข้งคุกเข่าก่อนเกมจะลงแข่งด้วย
สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เห็นพ้องต้องกันที่จะเอาชื่อนักเตะบนหลังเสื้อแข่งออก และพิมพ์ข้อความ "Black Lives Matter" หรือ "ชีวิตคนดำก็สำคัญ" เมื่อเกมลีกกลับมาแข่งกันต่อโดยจะเริ่มในวันที่ 17 มิถุนายนเป็นต้นไป จากการเปิดเผยของ เดลี่ เมล สื่อดังในเมืองผู้ดี
หลังจากมีการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บรรดา 20 ทีมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เห็นด้วยที่จะนำข้อความ "Black Lives Matter" และโลโก้ "เอ็นเอชเอส" หรือระบบบริการสุขภาพแห่งชาติในสหราชอาณาจักร มาติดเอาไว้ที่เสื้อแข้งตลอดช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาล 2019/2020
สำหรับเสื้อแข่งของทุกสโมสรจะมีการเอาชื่อนักเตะออกจากด้านหลัง และแทนที่ด้วยข้อความ"Black Lives Matter"เพื่อเป็นการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดสีผิว หลังเกิดเหตุสุดสลดที่ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีชาวอเมริกัน เสียชีวิตจากการโดนตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดที่ท้ายทอยจนขาดอาการหายใจ
ในช่วงที่ผ่านมานักฟุตบอลอาชีพได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการสนับสนุนการเคลื่อนไหวในการต่อต้านการเหยียดผิว ด้วยการคุกเข่าในช่วงระหว่างฝึกซ้อม และก่อนลงสนาม โดยล่าสุดนักเตะอาร์เซน่อล เพิ่งจะแสดงให้เห็นก่อนแมตช์อุ่นเครื่องที่แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 2-3 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แทงบอลเงินสด
ทั้งนี้ พรีเมียร์ลีก ได้ร้องขอนักเตะทุกคนให้แสดงการสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่อต้านการเหยียดผิว โดยมีรายงานว่าอาจจะให้พ่อค้าแข้งคุกเข่าในช่วงระหว่างที่มีการเปิดเพลงในช่วงที่จะมีการแข่งเกมลีกสูงสุดในเมืองผู้ดี รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ที่จะมีการนำเสนอขึ้นมาด้วย
อย่าตื่นตระหนก!พี่ชายมั่นใจ "รามอส" ได้ต่อสัญญาเรอัลมาดริด

แฟนๆ "ราชันชุดขาว" สบายใจได้... พี่ชายการันตีเอง เซร์คิโอ รามอส ยอดกัปตันทีม เรอัล มาดริด จะได้ต่อสัญญากับต้นสังกัดแน่นอน พร้อมตั้งเป้าเห็นน้องชายได้แขวนเกือกที่ ซานติอาโก เบร์นาเบว
เรเน่ รามอส พี่ชายและเอเจนต์ส่วนตัวของ เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม เรอัล มาดริด ยอดสโมสรลูกหนังแห่งเวที ลา ลีกา สเปน ยืนยันว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตื่นตระหนกเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของ รามอส ถึงแม้ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องสัญญาฉบับใหม่ก็ตาม
ปัจจุบัน รามอส เหลือสัญญาค้าแข้งในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว อีกแค่ 12 เดือนเท่านั้น จนมีการคาดเดากันไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของ ปราการหลังทีมชาติสเปนวัย 34 ปี ทว่า เรเน่ รู้สึกเฉยๆ มากกับประเด็นนี้ พร้อมแสดงความมั่นใจว่า "ราชันชุดขาว" มีแผนที่จะมอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับ รามอส แน่นอน
"ในวงการฟุตบอลมันไม่มีอะไรแน่นอน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างมีความตั้งใจที่ดีเหมือนกัน ซึ่งผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เขาจะได้รีไทร์กับ เรอัล มาดริด มันเป็นความฝันของเขา และผมก็เชื่อว่า นั่นคือความต้องการของสโมสรเช่นกัน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยก็จริง แต่ไม่เห็นต้องตื่นตระหนกอะไร เมื่อสโมสรเริ่มพิจารณา เราก็จะเริ่มพูดคุยกัน" พี่ชายแท้ๆ ของ รามอส กล่าวกับ มาร์ก้า สื่อกีฬาชั้นนำแดนกระทิงดุ
ทั้งนี้ รามอส ซึ่งย้ายมาจาก เซบีย่า เมื่อปี 2005 ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ไปแล้วทั้งสิ้น 640 นัด ทำได้ 91 ประตู
ใครได้เปรียบ? ส่อง 11 นัดสุดท้ายบาร์ซ่า,มาดริดตัดสินแชมป์ลาลีกา

ศึก "ลาลีกา สเปน" กลับมารีสตาร์ทอีกครั้งและแน่นอนว่าสิ่งที่น่าจับตามองที่สุดก็คือการลุ้นแชมป์ระหว่าง เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า ที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างสนุก และทั้งคู่เหลือเกมลงเล่น 11 นัดเท่ากัน นั่นหมายความว่าทุกแต้มสำคัญมากและหากทีมใดทีมหนึ่งพลาดท่ามีสิทธิ์นำ้ตาตกได้เลย ดังนั้นเรามาดูกัน 11 นัดสุดท้ายของใครจะได้เปรียบมากกว่ากัน
ความจริงแล้วในฤดูกาลนี้ทั้งสองทีมทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานพอสมควรแต่พวกเขาก็ยังดีพอที่จะเหลือเป็นสองทีมสุดท้ายในการลุ้นแชมป์ โดยตอนนี้มีแต้มห่างกันเพียง 2 แต้มเท่านั้นและเหลืออีกเพียงแค่ 11 เกมสุดท้าย
เรอัล มาดริด คงรู้สึกเศร้าใจมากกว่าเนื่องจากพวกเขาพลาดการเป็นจ่าฝูงก่อนที่ลีกจะหยุดการแข่งขันทั้งที่อุตส่าห์เก็บชัยชนะในศึก “เอล กลาซิโก้” จากประตูของ วินิซิอุส จูเนียร์ กับมาเรียโน่ ดิอาซ พร้อมขยับขึ้นจ่าฝูงด้วยแต้มห่างบาร์ซ่าหนึ่งแต้ม อย่างไรก็ตามเกมเยือนทีมกลางตารางอย่าง เรอัล เบติส ในสัปดาห์ต่อมาดีดพวกเขาตกลงจากบัลลังก์หลัง “ราชันชุดขาว” พ่ายแพ้ 2-1 ถึงขนาดที่ ซีเนดีน ซีดาน กล่าวว่า “อาจจะเป็นเกมที่เล่นแย่ที่สุดในฤดูกาลนี้” ขณะที่ บาร์เซโลน่า คว้าชัยเหนือ เรอัล โซเซียดาด ต้องขอบคุณประตูชัยจากจุดโทษของ ลีโอเนล เมสซี่
โปรแกรม 11 นัดสุดท้าย
หากดูจากนัดที่เหลือ บาร์เซโลน่า ถือว่าได้เปรียบเล็กน้อย และดูจากสถิติแล้วนับตั้งแต่ฤดูกาล 2010/11 มีเพียงแค่ทีมเดียวเท่านั้นที่นำจ่าฝูงเมื่อเหลือ 11 นัดสุดท้ายแล้วพลาดคว้าแชมป์ซึ่งก็คือ เรอัล มาดริด ที่จบอันดับ 3 และในปีนั้นเพื่อนบ้านอย่าง แอตเลติโก มาดริด เป็นฝ่ายชูแชมป์ เรอัล มาดริด มีเกมในบ้านเหลือมากกว่า บาร์เซโลน่า 1 นัด โดยพวกเขาจะลงเล่นในบ้าน 2 นัดติดต่อกันในเกมรีสตาร์ทลีก และฤดูกาลนี้ลูกทีมของ ซีดาน ยังไม่แพ้ใครในบ้านเลย แต่ทว่าเรามีตัวอย่างให้เห็นแล้วกับลีกบุนเดสลีกาที่เจ้าบ้านไม่ได้เปรียบอีกต่อไป
ทั้งสองทีมยังมีโปรแกรมเจอกับ 3 ทีมหนีตายท้ายตาราง โดย บาร์เซโลน่า จะมีเกมพบ เรอัล มายอร์ก้า และเลกาเนส ซึ่งอยู่ในอันดับ 18 และ 19 ตามลำดับ ขณะที่ มาดริด จะพบกับ เลกาเนส ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลซึ่งถึงตอนนั้นเลกาเนสอาจเป็นทีมที่ตกชั้นไปแล้วก็เป็นได้
หากจะบอกว่า บาร์เซโลน่า ได้เปรียบเล็กน้อยในนัดที่เหลือก็คงไม่ผิดเนื่องจากพวกเขามีค่าเฉลี่ยอันดับคู่แข่งนัดที่เหลือคืออันดับที่ 13 ขณะที่ เรอัล มาดริด มีค่าเฉลี่ยคู่แข่งอยู่อันดับ 12 นอกจากนี้ บาร์ซ่า ก็คว้าชัยชนะในฤดูกาลนี้ได้ 8 จาก 11 ทีมที่จะต้องเจอในนัดที่เหลือ โดยมี 2 เกมที่เสมอนั่นคือ เอสปันญ่อล และโอซาซูน่า ส่วนอีกหนึ่งนัดคือพ่ายต่อ แอธเลติก บิลเบา
ส่วน มาดริด เคยพลาดท่าในฤดูกาลนี้มาแล้วถึง 4 ทีมที่จะเจอในนัดที่เหลือ โดยพวกเขาเสมอกับ บาเลนเซีย, บิลเบา และบียาร์เรอัล ส่วนอีกหนึ่งนัดคือการพ่ายต่อทีมท้ายตารางอย่าง มายอร์ก้า ในเดือนตุลาคม เพราะฉะนั้นถ้าหากผลการแข่งขันออกมาแบบในนัดแรก บาร์เซโลน่า จะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ด้วยแต้มเหนือกว่า มาดริด 4 แต้ม
สองสัปดาห์นัดสำคัญ
ศึกชิงแชมป์ลาลีกาอาจจะตัดสินด้วย 2 นัดสำคัญดังต่อไปนี้
ในเกมที่ 30 ของฤดูกาล บาร์เซโลน่า จะต้องไปเยือนของแข็งอย่าง เซบีย่า ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอันดับ 3 ของตาราง แม้ว่าแชมป์ลาลีกาอาจจะดูไกลเกินไปสำหรับ เซบีย่า แต่เชื่อว่าพวกเขาก็คงสู้ตายเพื่อตำแหน่งท็อปโฟร์เนื่องจากยังมีทีมอย่าง เรอัล โซเซียดาด, เคตาเฟ่, บาเลนเซีย และแอตเลติโก มาดริด คอยไล่จี้พวกเขาอยู่
แฟนมาดริดคงต้องหวังพึ่ง จูเลน โลเปเตกี อดีตนายใหญ่ของพวกเขาที่เคยโดนไล่ออกเมื่อฤดูกาลแล้ว ถ้าหาก เซบีย่า ทำให้บาร์ซ่าสะดุดได้ แฟนมาดริดคงหายแค้นกับกุนซือรายนี้แน่นอน ขณะที่ “ราชันชุดขาว” ในสัปดาห์นั้นมีคิวเจอของยากเช่นกันเมื่อพวกเขาต้องไปเยือนทีมอันดับ 4 อย่าง เรอัล โซเซียดาด สโมสรซึ่งเขี่ย มาดริด ตกรอบ โกปา เดล เรย์ ในฤดูกาลนี้ด้วยชัยชนะ 4-3 มาร์ติน โอเดการ์ด แข้งตัวยืมจากมาดริดที่ปัจจุบันกำลังฟอร์มกระฉูดกับโซเซียดาดจะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ต้นสังกัดของเขาพลาดแชมป์หรือไม่?
ขณะที่อีกหนึ่งสัปดาห์ไฮไลต์อยู่ที่นัด 33 บาร์เซโลน่า ต้องฟาดแข้งกับคู่ปรับร่วมเมืองของ เรอัล มาดริด นั่นก็คือ แอตฯมาดริด ที่สนามคัมป์ นู ขณะที่ทีมราชันมีคิวต้องพบทีมอันดับ 5 อย่าง เคตาเฟ่ ซึ่งทำผลงานเซอร์ไพรส์มากในฤดูกาลนี้ และพวกเขากำลังล่าตำแหน่งท็อปโฟร์อยู่ด้วย
เลือกแล้ว! "เอโต้" เผยชอบใครระหว่าง "เป๊ป" กับ "มูรินโญ่"

ซามูเอล เอโต้ อดีตหัวหอกชื่อก้องโลก เปิดใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และโชเซ่ มูรินโญ่ หลังจากที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ 2 ผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดแห่งยุค ระบุแต่ละคนมีสไตล์แตกต่างกัน แต่ถ้าให้เลือกตนแฮปปี้ที่สุดที่ได้ทำงานกับ "เฮียมู"
ซามูเอล เอโต้ ตำนานกองหน้าทีมชาติแคเมอรูน เผยเหตุผลที่ชื่นชอบ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส มากกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือมากความสามารถเลือดสแปนิช หลังจากที่เคยมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ 2 โค้ชที่เก่งที่สุดในยุคนี้ มาแล้ว
เอโต้ เป็นหนึ่งนักเตะเพียงไม่กี่คนที่โชคดีสุดๆ เมื่อมีโอกาสได้ร่วมงานกับ 2 กุนซือสมองทองคำ โดยเขาเคยเป็นลูกทีมของ กวาร์ดิโอล่า สมัยที่เล่นให้ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า และยังเป็นลูกศิษย์ "เฮียมู" ตอนที่ย้ายไปไล่ล่าตาข่ายกับ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน และ เชลซี
ตำนานดาวยิงชื่อก้องโลกจากดินแดนกาฬทวีป ยอมรับว่าตนสนุกกับการทำงานร่วมกับ เป๊ป ในฐานะโค้ชเท่านั้น "ผมยังคงยืนยันสิ่งที่ผมเคยพูด ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่พูดแบบนี้ จากประสบการณ์ของผมกับ เป๊ป ที่ บาร์เซโลน่า มันก็ดี แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ มีนักเตะหลายคนก็พูดเหมือนกันในเรื่องนี้"
"ในฐานะโค้ช เป๊ปเตรียมทีมในแบบที่ไม่เหมือนคนอื่น เขาเป็นโค้ชของเราในปี 2009 ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมากๆ วิธีการที่เขามองในการเล่นเกมรุก, การคุมเกม การครองบอล, เป๊ป เก่งมากๆ ในเรื่องนี้ ในฐานะนักเตะ คุณรู้สึกว่าคุณไม่ต้องวิ่งเยอะ แม้ว่าคุณจะทำแบบนั้นก็ตาม เพราะคุณมีความสุขที่ได้ทำ" "เขามีเทคนิคเฉพาะเจาะจงเพื่อนำมาใช้กับเราซึ่งเป็นพวกที่รักการเล่นฟุตบอล สำหรับผม ฟุตบอลมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าคุณอยู่ในโรงละคร และได้ชมการเล่นแบบติกิตาก้า การผ่านบอล มันไม่ใช่แนวทางที่แค่คว้าชัยชนะเท่านั้น แต่มันเป็นอะไรที่พิเศษสุดๆ นี่เป็นสไตล์ของเป๊ป"
ส่วนกรณีของ มูรินโญ่ นั้น เอโต้ ยืนยันว่ากุนซือเลือดฝอยทองมีภาพลักษณ์ที่อบอุ่นมากกว่า "สิ่งแรกเลย โชเซ่ เป็นเหมือนเพื่อน เขาเป็นคนที่พร้อมจะเผชิญหน้า และเมื่อเขาไม่ชอบบางเรื่อง เขาจะบอกกับคุณเลย เราทั้งคู่มักมีอารมณ์เดือดดาลใส่กันตลอด แต่เราเข้าใจกันละกันเป็นอย่างดี" "เขาเป็นหนึ่งในคนที่ดีที่สุดที่ผมเคยพบในวงการฟุตบอล มีหลายคนพยายามตราหน้าเขาในฐานะจอมสร้างความขัดแย้ง แต่นั่นมันเรื่องโกหกทั้งนั้น สิ่งที่มักเกิดขึ้นในชีวิต และฟุตบอล ก็คือการเสแสร้ง และพวกเขาก็ชอบคนที่ซื่อสัตย์ มูเป็นคนดีมากๆ เขาไม่ใช่คนที่สนใจเฉพาะเรื่องผลการแข่งขันเท่านั้น"
"วิธีการวิเคราะห์เกมฟุตบอลของเขา และแน่นอนว่าเขาถือเป็นเบอร์ 1 ในเรื่องนี้ การเอาชนะเกมของเขามันแทบเป็นไปไม่ได้เลย คุณไม่มีทางเอาชนะเขาได้ เขาคือผู้ชนะตัวจริง และเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ เขามักจะพูดคุยกับคุณด้วยคำพูดที่เหมาะสม เขาสุดยอดมากๆ" เอโต้ ร่ายยาว
ความคิดเห็น