นกขมิ้นศิษย์ฟาร์เค่! "วู้ด" ท่ายากเบิร์นลี่ย์อัดนอริช9คนไร้พ่าย7เกมรวด
- aywutwork2020
- 21 ก.ค. 2563
- ยาว 3 นาที

ฟอร์มดีต่อเนื่องสำหรับ เบิร์นลี่ย์ หลังบุกอัด นอริช ที่เหลือ 9 คน 2-0 จากหนึ่งสกอร์สุดสวยของ คริส วู้ด พาทีมไร้พ่าย 7 เกมรวดมีเพิ่มเป็น 54 คะแนนแซงปืนใหญ่รั้งอันดับ 9 ตามหลังโควตา ยูโรปา 2 แต้ม แถมส่งให้ลูกทีมของ ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ อำลาเกมในบ้านอย่างเจ็บปวด ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
สนาม : แคร์โรว์ โร้ด
ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ พาทีม "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ตกชั้นไปเรียบร้อยและได้ อันดับบ๊วยแน่นอนแล้วด้วย จึงเล่นให้ครบตามโปรแกรม โดยพวกเขาแพ้ทุกนัดนับตั้งแต่ออกสตาร์ตฟอร์มล่าสุดออกไปโดนเชลซี สอย 0-1 แทงบอลเงินสด
ส่วนทาง ฌอน ไดช์ พาทีม เบิร์นลี่ย์ โชว์ฟอร์มได้แข็งแกร่งไม่แพ้ใครมา 6 นัดติดต่อกันแล้วฟอร์มล่าสุดไล่ตีเสมอ วูล์ฟส์ 1-1 ท้ายเกมที่บ้านตัวเอง นัดนี้ถ้าพวกเขาเข้าวิน จะแซงหน้า อาร์เซน่อล ขึ้นอันดับ 9 ได้อีกด้วย
10 นาทีผ่านเป็นขุนพลทัพ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ที่ทำได้ดีกว่าครองบอลบุกเข้าใส่ เบิร์นลี่ย์ อย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบได้ลุ้นให้เห็น
นาทีที่ 19 นอริช พลาดโอกาสทองจากลูกเตะมุมทางซ้ายโยนโค้งมาตกใส่หัว เบน ก็อดฟรี่ย์ โถมมาโขกไปติดเซฟ นิค โป๊ป ปัดเอาไว้จากบนเส้นบอลเด้งมาเข้าทาง อเล็กซานเดอร์ เท็ตเตย์ ซ้ำอีกทีก็ยังติดบล็อค เจมส์ ทาร์คอฟสกี้
นาทีต่อมา เบิร์นลี่ย์ ตอบโต้ทันควันเป็น เจย์ โรดริเกซ เก็บบอลได้ทางซ้ายก่อนโชว์ลีลาแหวกแนวรับ นอริช ทั้งแผงเข้าไปแต่งหาช่องซัดด้วยขวาหลุดกรอบออกหลังไป
ก่อนหมดเวลา 15 นาที ทีมเยือน ได้ลุ้นบ้างเป็นบอลยาวจาก ดไวท์ แม็คนีลล์ วางลึกเข้ากรอบเขตโทษและเป็น ทิมม์ โคลเซ่ จับบอลไม่ดีหลุดมาถึง คริส วู้ด ตวัดตูมเดียวข้ามคานออกไป แถมธงล้ำหน้าขึ้นไปก่อนแล้วด้วย
เกมกำลังดีๆนาทีที่ 35 "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนจากความผิดพลาดของ เอมิเลียโน่ บวนเดีย ไปนอกเกมเจตนาชักศอกใส่หัว แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด ผู้ตัดสินเดินออกไปเช็ค วีเออาร์ กลับมาชูใบแดงไล่ออกจากสนามทันที
นาทีที่ 40 กลายเป็น เบิร์นลี่ย์ เร่งเครื่องจะเอาประตูแรกเป็นลูกวางยาวใส่ตัว คริส วู้ด พักบอลให้ เจย์ โรดริเกซ สอดมาซัดด้วยขวาแบบไม่จับไปติด ทิม ครูล ปัดออกหลังนิดเดียว
2 นาทีต่อมาจากลูกฟรีคิกระยะอันตรายทางซ้ายของ ดไวท์ แม็คนีลล์ ปั่นโค้งไปแฉลบกำแพงเปลี่ยนทางเกือบเข้าประตูแต่ ทิม ครูล ยังผวาแอ่นตัวปัดทิ้งเหลือเชื่อ
ไม่หนำใจช่วงทดเจ็บนาทีที่ 47 เจ้าถิ่น มาเหลือผู้เล่น 9 คนคราวนี้เป็น โจซิป เดอร์มิช จับบอลยาวก่อนไปเปิดปุ่มยกใส่ เอริก ปีเตอร์ส ร่วงลงไป เควิน เฟรนด์ ไม่รอช้ายกใบแดงให้เป็นของขวัญทันทีก่อนเช็ค วีเออาร์ ยืนยันคำตัดสิน
จากจังหวะต่อเนื่อง นอริช เสียประตูทันทีเป็นฟรีคิกจุดที่โดนใบแดงโยนยาวเข้ากรอบเขตโทษ แนวรับ เจ้าถิ่นสกัดบอลไม่ขาดมาเข้าทาง โยฮันน์ เบิร์ก กุ๊ดมุด์สสัน ตักลึกไปเสาไกลให้ คริส วู้ด จักรยานอากาศติดปลายนิ้ว ทิม ครูล แต่ดีพอเบียดเสาเข้าไป
หมดครึ่งเวลาแรก นอริช 0 เบิร์นลี่ย์ 1
ครึ่งหลังเปิดฉากไม่ถึงนาที เบิร์นลี่ย์ หวิดบอกสกอร์เพิ่มเป็น เอริก ปีเตอร์ส เติมเกมรุกขึ้นสูงก่อนแต่งรอจังหวะตะบันด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบใต้คานแต่ ทิม ครูล ช่วยเซฟเอาไว้ได้อีกครั้ง
5 นาทีต่อมา ทีมเยือน พลาดโอกาสสำคัญเป็นบอลยาวอีกครั้งจาก แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด โยนข้ามแนวรับให้ คริส วู้ด หลุดกับดักล้ำหน้าซัดตามน้ำด้วยซ้ายแต่โดนไม่ดีหลุดออกหลังอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 66 เบิร์นลี่ย์ โหมอยู่ฝ่ายเดียวคราวนี้เป็นบอลจากฝั่งซ้ายโยนเข้าเขตโทษให้ เจย์ โรดริเกซ สอดมาเปลี่ยนทางแฉลบแนวรับ นอริช เลยไปติดมือ ทิม ครูล ยั้งตัวปัดออกหลังไปได้เหลือเชื่อ
ก่อนหมดเวลา 15 นาที นอริช หมดแรงสู้โดนถลุงอยู่ฝ่ายเดียวเกือบโดนเพิ่มจากจังหวะยิงของ เอริก ปีเตอร์ส และ จอช บราวน์ฮิลล์ แต่ต้องชม ทิม ครูล ที่เกมนี้ช่วยเอาไว้ได้หลายครั้ง
แต่แล้วนาทีที่ 80 เจ้าถิ่น มาตกม้าตายเป็นความผิดพลาดของ เบน ก็อดฟรี่ย์ ตัดสินใจไม่ดีปล่อยบอลมาตกใส่เท้าเปลี่ยนทางผ่านหน้า ทิม ครูล เข้าประตูตัวเอง นอริช 0 เบิร์นลี่ย์ 2
ท้ายเกม "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ฮึดครั้งสุดท้ายเป็นบอลโยนทิ้งยาวให้ โอเนล เอร์นานเดซ ใช้ความเร็วหลุดขึ้นมาซัดด้วยขวาแฉลบ ฟิล บาร์ดสลี่ย์ เปลี่ยนทางเกือบเสียบเสาแต่ นิค โป๊ป ขอโชว์เซฟบ้าง
เรียกว่าเซฟจนปวดมือสำหรับ ทิม ครูล นาทีที่ 90 ป้องกันลูกยิงของ มาเตจ์ วีดร้า ก่อนมาส่งท้ายอีกรอบจากจังหวะซัดไกลช่วงทดเจ็บของ ฟิล บาร์ดสลี่ย์
จบเกม นอริช 0 เบิร์นลี่ย์ 2 ฌอน ไดช์ พาลูกทีมบวกสถิติเป็นไร้พ่าย 7 เกมรวดมีเพิ่มเป็น 54 คะแนนแซงปืนใหญ่รั้งอันดับ 9
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
นอริช (4-2-3-1) : ทิม ครูล - มักซ์ แอรอนส์, เบน ก็อดฟรี่ย์, ทิมม์ โคลเซ่, จามาล ลูอิส - อเล็กซานเดอร์ เท็ตเตย์, เคนนี่ แม็คลีน - ท็อดด์ แคนท์เวลล์, ลูคัส รุปป์, เอมิเลียโน่ บวนเดีย, โอเนล เอร์นานเดซ -โจซิป เดอร์มิช
ผู้จัดการทีม : ดาเนี่ยล ฟาร์เค่
เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โป๊ป - ฟิล บาร์ดสลี่ย์, เควิน ลอง, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เอริก ปีเตอร์ส - โยฮันน์ เบิร์ก กุ๊ดมุด์สสัน, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, จอช บราวน์ฮิลล์, ดไวท์ แม็คนีลล์ - คริส วู้ด, เจย์ โรดริเกซ
ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์
ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์
แฟนมิลานยิ้ม! "อิบราอิโมวิช" แย้มอยู่ช่วยทีมซีซั่นหน้า

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกดาวดัง เอซี มิลาน แย้มที่จะอยู่ช่วยทีมต่อในซีซั่นนี้ พร้อมขอบคุณเพื่อนแบบติดตลก หลังลงเล่นให้ทัพ "ปีศาจแดง-ดำ" ครบ 100 นัด
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าซูเปอร์สตาร์ของ เอซี มิลาน สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี พูดเป็นนัยว่า ตัวเขาอาจจะอยู่ช่วยทีมต่อในฤดูกาลหน้า หลังได้รับมอบเสื้อฉลองลงเล่นครบ 100 นัด ให้ทัพ "ปีศาจแดง-ดำ" เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา UFA23
อิบราฮิโมวิช หวนกลับมาค้าแข้งในถิ่น ซาน ซิโร่ แบบไม่มีค่าตัว (แยกทางกับ ลอส แองเจลีส แกแล็กซี่) เมื่อช่วงเดือนมกราคม โดยเซ็นสัญญาร่วมทีม มิลาน แบบระยะสั้นแค่จบฤดูกาลนี้เท่านั้น ทว่าล่าสุด หัวหอกชาวสวีดิชวัย 38 ปี แย้มว่า ตัวเขาอาจจะไม่ย้ายไปไหนในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังลงเล่นครบ 100 นัด ให้ มิลาน ในเกมล่าสุดที่ทีมเปิดบ้านอัด ปาร์ม่า 3-1 เมื่อวันพุธที่ 15 กรกฎาคม
"ขอขอบคุณทุกข้อความที่แสดงความยินดีกับผม สำหรับการลงเล่นครบ 100 เกมของผมในสีเสื้อของ รอสโซเนรี่ ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้เล่นให้กับ เอซี มิลาน และผมก็หวังว่าจะได้เล่นอีกหลายๆ เกม" อิบราฮิโมวิช กล่าวผ่าน ทวิตเตอร์ อย่างเป็นทางการของสโมสร
พร้อมกันนั้น "อิบรา" ยังได้กล่าวแบบติดตลกถึงเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย "ขอบคุณบรรดาเพื่อนร่วมทีมของผมด้วย ผมคงทำแบบนี้ไม่ได้ หากไม่มีพวกคุณ และขอบคุณจริงๆ ที่ผมไม่มีคู่แข่ง"
ทั้งนี้ อิบราฮิโมวิช ลงเล่นให้ มิลาน 100 นัด ทำได้ 62 ประตู โดยแบ่งเป็นช่วงที่อยู่กับทีมครั้งนี้ 15 นัด ทำได้ 6 ประตู ส่วนตอนแรกที่อยู่กับทีมช่วงระหว่างปี 2010-2012 นั้น ลงเล่น 85 นัด ทำได้ 56 ประตู
5ประเด็นต้องจับตาแมนยูดวลเชลซีตัดเชือกเอฟเอคัพ

เปิด 5 ประเด็นน่าจับตามองเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ดวล เชลซี รอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ หลังทั้งสองทีมยังกำลังแย่งตั๋วท็อปโฟร์ พรีเมียร์ลีก กันอีกด้วย
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้ดวลกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี อีกครั้ง ในเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สังเวียนแข้ง เวมบลีย์ คืนวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคมนี้ (00.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย)
นอกจากจะเป็นเกมชิงตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยรายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแล้วนั้น นัดนี้ยังมี 5 ประเด็นที่ต้องจับตามองดังนี้
1. โรเตชั่น
ทั้ง เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังแย่งชิงพื้นที่ท็อปโฟร์เพื่อไปเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า ทำให้ต้องพะวงหน้าพะวงหลังเหมือนกัน หลังมีโปรแกรมเตะถี่ยิบ
เชื่อว่า นัดนี้ทั้งสองทีมคงจะหมุนเวียนผู้เล่นสำรองลงมาเล่นบ้างอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อาจจะให้ โอเดียน อิกาโล่ กองหน้าชาวไนจีเรีย ได้ลงตัวจริง เช่นเดียวกับ แดเนียล เจมส์ ที่มีโอกาสลงมาแทน เมสัน กรีนวู้ด
ส่วน เชลซี ก็คงโรเตชั่นนักเตะเช่นกัน เพราะมีเกมสำคัญในลีกที่ต้องไปเยือน ลิเวอร์พูล รออยู่ช่วงกลางสัปดาห์ โดย คริสเตียน พูลิซิช กับ วิลเลี่ยน อาจได้พักหลังทั้งคู่กรำศึกหนักมาตลอดตั้งแต่รีสตาร์ต ทำให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย กับ รูเบน ลอฟตัส-ชีค จะได้โอกาสลงสนาม
2. เชลซี จะหยุดคู่หู บรูโน่-ป็อกบา อย่างไร
นับตั้งแต่ที่ ปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส หายเจ็บกลับมาช่วยทีม และประสานงานในแดนกลางร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้นั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีเกมที่ไหลลื่น และน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
บรูโน่ เป็นส่วนสำคัญที่ยกระดับมาตรฐานการเล่นให้กับ "ปีศาจแดง" ตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยทั้งทำประตูได้เอง และแอสซิสต์ให้เพื่อนได้ตลอด ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก ประจำเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เกมนี้ เชลซี คงจะใช้ จอร์จินโญ่ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ อยู่หลัง เมสัน เมาท์ กับ รอสส์ บาร์คลี่ย์ โดยต้องพยายามหยุด บรูโน่ และ ป็อกบา ให้อยู่ และไม่ให้ทั้งคู่ทำเกมได้ มิเช่นนั้นมีหวังน้ำตาตกแน่นอน
3. แนวรุกผีกำลังท็อปฟอร์ม
แลมพาร์ด ยอมรับก่อนเกมว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังเล่นได้ท็อปฟอร์มมากๆ และมีสามประสานแดนหน้าที่น่ากลัวสุดๆ ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ เมสัน กรีนวู้ด
"เรารู้ว่า พวกเขากำลังเล่นได้ดี พวกเขาทรงพลังมากๆ ในแดนหน้า บางทีอาจจะทรงพลังที่สุดในประเทศนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อมองในแง่ของจำนวนประตู" แลมพาร์ด กล่าว เกมนี้ แลมพาร์ด อาจส่ง รีซ เจมส์ กับ เซซ่า อัซปิลิกวยต้า ยืนเป็นฟูลแบ็ก ส่วนเซนเตอร์แบ็กคู่ใช้ อันเดรส คริสเตนเซ่น กับ ฟิกาโย่ โทโมริ ที่มีความเร็วพอจะหยุดแนวรุก แมนฯ ยูไนเต็ด
4. เกปา ปะทะ เด เคอา
เกมนี้จะเป็นการเจอกันของ 2 นายทวารชาวสแปนิช คือ ดาบิด เด เคอา ของ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ของ เชลซี ที่แย่งกันเป็นมือ 1 ทีมชาติสเปน
อย่างไรก็ตาม ผลงานในช่วงหลังของ เกปา ไม่ดี และเป็นนายทวารที่มีเปอร์เซ็นต์เซฟแย่สุดใน พรีเมียร์ลีก จนมีข่าวว่า อาจจะโดนโละออกจากถิ่น สแตมฟอร์ด หลังจบฤดูกาลนี้ นัดนี้ต้องดูกันว่า เกปา จะได้เจอ เด เคอา หรือไม่ เพราะมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองทีมจะส่งมือ 2 ลงเฝ้าเสา โดย "ปีศาจแดง" อาจใช้ เซร์คิโอ โรเมโร่ ขณะที่ "สิงห์บลูส์" อาจใช้ วิลลี่ กาบาเยโร่
5. ขาด ก็องเต้ จะมีผลแค่ไหน
แลมพาร์ด ยืนยันว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางคนสำคัญชาวฝรั่งเศส มีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา และจะไม่ได้ช่วยทีมในนัดนี้แน่นอน
ก็องเต้ ได้รับบาดเจ็บจากเกมลีกนัดที่ เชลซี เปิดบ้านถล่ม วัตฟอร์ด 3-0 เมื่้อสองสัปดาห์ก่อน และเป็นเรื่องน่าสนใจว่า การขาดหายไปของดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส จะมีผลต่อเกมมากแค่ไหน
ความคิดเห็น