บาร์เซโลน่า-เดปายฝันค้าง ปธ.ลียงยันเองม.ค.นี้ไม่เกิดดีลแน่นอน
- aywutwork2020
- 13 พ.ย. 2563
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 9 ธ.ค. 2563
ฌอง-มิเชล โอลาส ประธาน โอลิมปิก ลียง บอกเอง ในช่วงเดือนมกราคมนี้จะไม่ขาย เมมฟิส เดอปาย แน่นอน พร้อมเชื่อว่าดาวเตะชาวดัตช์จะพาทีมไปยังจุดที่ทุกคนต้องการได้

ฌอง-มิเชล โอลาส ประธาน โอลิมปิก ลียง สโมสรดังของศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส กล่าวว่าทีมของตนจะไม่ขาย เมมฟิส เดอปาย ปีกกัปตันทีมในตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบสอง ช่วงเดือนมกราคมนี้อย่างแน่นอน
เดอปาย สล็อต ได้เงินจริง ตกเป็นข่าวกับ บาร์เซโลน่า อย่างต่อเนื่องในตลาดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ โรนัลด์ คูมัน เทรนเนอร์คนใหม่ของที่นั่นชื่นชอบฝีเท้าของเขาตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่นร่วมงานกันในทีมชาติฮอลแลนด์แล้ว ขณะที่อดีตดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีทีท่าว่าอยากย้ายทีมด้วย และถึงแม้เขาจะอดย้ายทีมในตลาดรอบก่อน แต่ก็เป็นที่เชื่อกันว่า "อาซูลกราน่า" จะกลับมาล่าเขาในเดือนแรกของปี 2021 อยู่ดี
โอลาส เผยว่า "เรามีนักเตะที่เล่นให้กับทีมชาติของหลายประเทศ อย่างเช่น เมมฟิส ที่ถือเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ผมไม่ได้ถึงขั้นหลงรัก เมมฟิส หรอกนะ แต่ผมเชื่อว่าเขาสามารถพา ลียง เดินหน้าไปถึงจุดที่ทุกคนต้องการให้เกิดขึ้นกับ ลียง ได้ ผมเป็นคนแรกที่บอกว่าเขาจะไม่ได้ย้ายไปที่ บาร์เซโลน่า แต่ไม่มีใครฟังผมในช่วงตลาดการเสริมทัพเลย เพราะทุกคนเชื่อว่าเขาจะย้ายออกจากทีมแน่ๆ"
"ไม่ใช่แค่ เมมฟิส เท่านั้น แต่ยังรวมถึง อุสเซม อาอูอาร์ กับ มูสซ่า เดมเบเล่ ด้วย ผมบอกพวกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาจะไม่ได้ย้ายทีมในปีที่เราโดนริบสิทธิ์การเล่นเกมถ้วยยุโรปอย่างไม่เป็นธรรม เราต้องทำให้ฤดูกาลนี้มันประสบความสำเร็จให้ได้ ดังนั้นเขาจะได้อยู่กับทีมต่อแน่ๆ"
แห่กดถูกใจ!แร็พเปอร์เพื่อนร่วมชาติส่งเลโก้บัลลงดอร์ให้เลวานฯ
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอก บาเยิร์น ได้รับของขวัญสุดพิเศษจาก เควโบนาฟิเด้ แร็พเปอร์เพื่อนร่วมชาติ โดยเป็นเลโก้รูปถ้วย บัลลง ดอร์ ซึ่งมันก็มีคนชื่นชอบจนเข้าไปกด "ถูกใจ" กันล้นหลาม

เควโบนาฟิเด้ แร็พเปอร์ชาวโปแลนด์ มอบตัวต่อรูปรางวัล บัลลง ดอร์ ให้กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิง บาเยิร์น มิวนิค สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ บุนเดสลีกา เยอรมัน เพื่อเป็นการยกย่องผลงานที่เจ้าตัวทำได้ในฤดูกาลก่อน ฟร้องซ์ ฟุตบอล นิตยสารฟุตบอลฝรั่งเศสชื่อดังซึ่งเป็นคนจัดมอบรางวัล บัลลง ดอร์ นั้น ตัดสินใจยกเลิกการมอบรางวัลในปี 2020 โดยให้เหตุผลว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มันส่งผลกระทบกับการแข่งขันจนทำให้คงไม่สามารถตัดสินผลงานของนักเตะแต่ละคนได้ดีเท่าไหร่ ซึ่งตอนแรกหลายคนเชื่อกันว่าถ้าเกิดมีการมอบรางวัลแล้วนั้น เลวานดอฟสกี้ ก็น่าจะเป็นตัวเต็งอันดับ 1 ที่จะได้รางวัลไปครอง หลังจากฤดูกาลก่อนเขาทำไปถึง 55 ประตูจากการลงเล่น 47 นัด ASIAXX1 ในทุกรายการ จนช่วยให้ต้นสังกัดได้ทั้งแชมป์ บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ-โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปเชยชม ทั้งนี้ ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์เอาภาพเลโก้สุดเก๋มาโพสต์ลงบน อินสตาแกรม เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังด้วย พร้อมกับขอบคุณอีกฝ่าย โดยบอกว่า "ขอบคุณนะ @quebahombre สำหรับถ้วยรางวัลอันยอดเยี่ยมนี้ที่คุณลงทุนต่อมาให้ผม" ซึ่งมันก็มีคนเข้าไปกด "ถูกใจ" เกิน 1 ล้านครั้งเข้าไปแล้ว ขณะที่แฟนบอลก็พิมพ์ข้อความกันหลายแบบ อย่างเช่น "โชคร้ายจัง แต่นายเป็นนักเตะเบอร์ 9 ที่เก่งที่สุด! สู้ต่อไปนะ เลวานดอฟสกี้" และ "นายสมควรได้รับถ้วยของจริงอ่ะ" เป็นต้น
ห่างกันมากหรือไม่ ? เทียบผลงานเกมเหย้าในลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล-แมนยู ตั้งแต่ คล็อปป์ คุมทัพหงส์

ตอนนี้มันไม่แปลกเลยที่จะบอกว่า ลิเวอร์พูล มีผลงานที่ยอดเยี่ยมกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายขุม ภายในช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุด "หงส์แดง" ได้ทั้งแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างละ 1 สมัย ขณะที่ "ปีศาจแดง" มือเปล่ามา 3 ซีซั่นติดต่อกันแล้ว
แน่นอนว่าผลงานอันยอดเยี่ยมของ ลิเวอร์พูล นั้น ส่วนใหญ่ต้องให้เครดิต เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่พัฒนาทีมได้ดีอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่เข้ามารับงานเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 จนทำให้ตอนนี้พวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวมากที่สุดทีมหนึ่งของทวีปยุโรป ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้ความแน่นอนจนทำให้มีสภาพเซไปเซมา
ทั้งนี้ หลายคนมองว่าหนึ่งในสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามารับงานกับยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ คือเรื่องของเกมในบ้าน และวันนี้เราก็มีตัวเลขมานำเสนอว่าผลงานเกมเหย้าในลีกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2015 เป็นต้นมาของทั้ง 2 ทีมมันแตกต่างกันระดับคนละขั้วจริงๆ หรือไม่
- ผลงานโดยรวม
นับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามาคุม ลิเวอร์พูล เมื่อ 5 ปีก่อนนั้น ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมลีกที่ แอนฟิลด์ ไปแล้วทั้งหมด 95 นัด ซึ่งผลงานของพวกเขาก็คือการชนะ 69 เกม, เสมอ 22 หน และแพ้เพียงแค่ 4 ครั้ง หรือก็คือถ้าคิดค่าเฉลี่ยการเก็บแต้มต่อนัดก็จะอยู่ที่ 2.41 คะแนนต่อเกม ส่วนเปอร์เซ็นต์ชนะก็สูงถึง 72.63 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว นอกจากนี้ ในจำนวน 4 เกมที่แพ้นั้นก็ยังเป็นการแพ้ให้ทีมในกลุ่มท็อปซิกซ์แค่เกมเดียว นั่นคือนัดที่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-1 เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2016

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การทำทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล, ไรอัน กิ๊กส์ (ชั่วคราว), โชเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กลับคว้า 3 แต้มเต็มที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ 53 ครั้ง, เสมอ 30 หน และแพ้ไปภึง 12 เกม คิดเป็นค่าเฉลี่ยการเก็บแต้มต่อเกมได้ที่ 1.99 แต้มต่อนัด ส่วนเปอร์เซ็นต์ชนะก็อยู่ที่เพียง 55.79 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
- เกมรุก 236 ลูก คือจำนวนประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้กับการเล่นเกมลีกในบ้านนับตั้งแต่ที่ คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน คิดเป็นค่าเฉลี่ยถึง 2.48 ลูกต่อเกม โดยในจำนวนนั้นมีถึง 42 เกมที่พวกเขายิงได้อย่างน้อย 3 ประตูด้วย ขนาด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังเคยเสีย 4 ลูกในเกมที่เยือน แอนฟิลด์ มาแล้วเลย

ตรงกันข้าม แมนฯ ยูไนเต็ด กลับสามารถทำประตูในลีกกับการเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เพียง 169 ประตู นับตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 เป็นต้นมา คิดเป็นค่าเฉลี่ย 1.78 ลูกต่อเกมเท่านั้น แลในจำนวนนั้นก็มีเกมที่พวกเขายิงได้อย่างต่ำ 3 ลูกเพียงแค่ 22 เกม น้อยกว่าของ ลิเวอร์พูล เกือบเท่าตัว
- เกมรับ ตลอดทั้ง 95 นัดหลังสุดใน แอนฟิลด์ กับการเล่นเกมลีก ลิเวอร์พูล เสียไป 76 ประตู คิดเป็นค่าเฉลี่ย 0.8 ลูกต่อเกม แถมพวกเขายังเก็บคลีนชีทได้ถึง 42 เกมด้วย ขนาด แมนฯ ซิตี้ ยังเคยยิงใส่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ถึง 3 เกมจากทั้งหมด 5 นัดที่มาเยือน แอนฟิลด์ ในลีก ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 เป็นต้นมาเลย

อย่างไรก็ตาม ในด้านนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ถึงขั้นแพ้ ลิเวอร์พูล มากนัก เพราะพวกเขาเสียไป 81 ลูกในการเล่นเกมลีกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตลอดช่วง 95 นัดที่ผ่านมา คิดเป็นค่าเฉลี่ยเสียไป 0.85 ลูกต่อเกม และในจำนวนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่เสียประตูไป 39 หน แถมยังเคยเก็บคลีนชีทในการเจอกับ เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้อีกต่างหาก
ความคิดเห็น