"ฟาน เดอเบ็ค"นำทัพ! ฮอลแลนด์กู้หน้าบุกบอสเนียชิงเฮศึกเนชั่นส์ ลีก
- aywutwork2020
- 15 ต.ค. 2563
- ยาว 2 นาที

"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ เกมอุ่นเครื่องล่าสุดปราชัยนัดประเดิมคุมทีมของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ แถมเกมก่อนรายการนี้แพ้อีกด้วย นัดนี้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ขอนำทัพบุกถิ่น บอสเนียฯ ที่จมบ๊วยกลุ่มเวลานี้ ในการแข่งขันฟุตบอลเนชั่นส์ ลีก เอ กลุ่ม 1 คืนวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563
ปรีวิวฟุตบอลเนชั่นส์ ลีก เอ กลุ่ม 1 วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563 บอสเนียฯ - ฮอลแลนด์ เวลา : 23.00 น.
สนาม : สตาดิโอน บิลิโน่ โปลเย่, เซนิก้า
บอสเนียฯ ของเทรนเนอร์ ดูซาน บาเยวิช พาทีมแพ้ให้กับโปแลนด์ ไป 1-2 ในกมล่าสุดที่ลงแข่งกันในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ทำให้ตอนนี้ทีมของ บาเยวิช เพิ่งมีแค่เพียง 1 คะแนน หลังจากที่เสมอกับอิตาลีได้ในนัดแรก โดยเกมเมื่อวานพวกเขาเพิ่งแพ้ช่วงดวลจุดโทษกับทางไอร์แลนด์เหนือมาในฟุตบอลยูโร รอบคัดเลือก หลังเสมอกันในเกมไป 1-1 ทำให้ต้องตกรอบไป สวีทโบนันซ่า ยอดฮิต
สภาพความพร้อมของเกมวันนี้ ทางด้าน ดูซาน บาเยวิช ที่เพิ่งพาลูกทีมลงเล่นไป 120 นาทีเต็มในช่วงกลางสัปดาห์ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมเล็กน้อย โดยผู้เล่นที่ไม่สามารถลงสนามได้จะมี เอลดาร์ ชีวิช, ฮาริส ดุลเยวิช, มิโรสลาฟ สเตวาโนวิช และ เออร์มิน บิซัคซิช ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บทั้งหมดทำให้ต้องถอนตัวออกจากทีม แต่กำลังหลักคนอื่นๆ อย่าง เอดิน เชโก้, มิราเล็ม ปรานิช และ เซอัด โคลาซินัช พร้อมที่จะลงช่วยทีมในเกมที่จะถึงนี้
การจัดทีมน่าจะมาในระบบ 4-2-3-1 โดยมีทาง ดาร์โก้ โทโดโรวิช ยืนคุมแพงหลัง โดยใช้ เซอัด โคลาซินัช คอยเต็มเกมจากทางแบ็กซ้าย ส่วนตรงกลางวาง มิราเล็ม ปานิช กองกลางตัวเก่งจากทางบาร์เซโล่น่า เป็นตัวคอยคุมเกม เปิดบอล โดยมี เอดิน เชโก้ กองหน้ากัปตันทีม เป็นตัวคอยจบสกอร์ในเกมนี้
ทางด้านฮอลแลนด์ของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ เพิ่งพาทีมลงเตะแพ้ให้กับทางเม็กซิโกไป 0-1 ในเกมฟุตบอลอุ่นเครื่อง ส่วนในเกมเนชั่นส์ ลีก นั้น พวกเขา มี 3 แต้ม รั้งอันดับ 2 ของกลุ่มอยู่ โดยผมงานล่าสุดในเนชั่นส์ ลีก พวกเขาแพ้ให้กับทางอิตาลีไป 0-1
สภาพความพร้อมของทีมอัศวินสีส้มในเกมวันนี้หลังจากที่เกมกับทางเม็กซิโกพวกเขาเปลี่ยนตัวผู้เล่นค่อนข้างเยอะเพื่อให้โอกาสนักเตะรายอื่นๆ รวมไปถึงให้โอกาสเหล่าดาวรุ่งได้มีโอกาสลงเล่นในนามทีมชาติ แต่คาดว่าเกมวันนี้พวกเขาน่าจะกลับมาใช้ชุดตัวจริงเพื่อลงทำศึกกับทางบอสเนียฯ ในส่วนรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บของทางฮอลแลนด์นั้นไม่มีใครมีอาการบาดเจ็บ แกนหลักทุกคนพร้อมที่จะลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นทาง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังตัวเก่งของทางลิเวอร์พูล, เฟร็งกี้ เดอ ยอง ของทางบาร์เซโลน่า และ เมมฟิส เดอปาย กองหน้าตัวเก่งจากทางลียง
การจัดทัพนั้น เดอ บัวร์ น่าจะมาในระบบ 4-3-3 โดยมี ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ยืนเฝ้าเสา แผงหลังมี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คอยยืมคุมอยู่ ชยับมาที่แดนกลาง มีทาง เฟร็งกี้ เดอ ยอง เป็นตัวคุมจังหวะ และใช้ทาง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม เป็นตัวเดินเกมรุก ส่วนแดนหน้าวาง เมมฟิส เดอปาย เป็นตัวจบสกอร์ รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บอสเนียฯ (4-2-3-1) : อิบราฮิม เซฮิช - บรานิเมียร์ ซิเปติช, ซินิซ่า ซานิชานิน, ดาร์โก้ โทโดโรวิช, เซอัด โคลาซินัช - มิราเล็ม ปานิช, อาเมียร์ ฮัดเซียห์เมโตวิช - เอดิน วิสช่า, อาเมอร์ โกยัค, ราเด้ ครูนิช - เอดิน เชโก้
เทรนเนอร์ : ดูซาน บาเยวิช
ฮอลแลนด์ (4-3-3) : ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น - ฮันส์ ฮาเตบัวร์, สเตฟาน เดอ ฟราย, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, นาธาน อาเก้ - เฟร็งกี้ เดอ ยอง, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม - เมมฟิส เดอปาย, ลุค เดอ ยอง, ควินซี่ โปรเมส
เทรนเนอร์ : แฟร้งค์ เดอ บัวร์
ผู้ตัดสิน : อิสต์วาน โควัชส์ (โรมาเนีย)
"เลิฟ" ชี้เยอรมนีจบสกอร์ไม่คมแม้ชนะยูเครน

โยอัคคิม เลิฟ กุนซือทีมชาติเยอรมนี จี้ลูกทีมต้องคมกว่านี้ในเรื่องการจบสกอร์ แม้บุกไปเชือด ยูเครน 2-1 ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ขณะที่ มัทธีอัส กินเทอร์ ชี้ยังไม่ใช่ฟอร์มที่ดีสำหรับ "อินทรีเหล็ก"
โยอัคคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมนี ยอมรับว่า ตนรู้สึกพอใจกับชัยชนะของทีม แต่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ในเรื่องการจบสกอร์ หลังจากที่ทัพ "อินทรีเหล็ก" บุกไปพิชิต ยูเครน 2-1 ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เอ กลุ่มสี่ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา
เยอรมนี ทำได้ดีกว่า และขึ้นนำก่อน 2-0 จาก มัทธีอัส กินเทอร์ นาทีที่ 20 และ ลีออน โกเร็ตซก้า นาทีที่ 49 ซึ่งหลังจากนั้นทีมของ เลิฟ มีโอกาสเพิ่มสกอร์หลายต่อหลายหน แต่ทำไม่สำเร็จ จนกลายเป็นเจ้าถิ่นที่ตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 77 จากการสังหารลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบขาดของ รุสลัน มาลินอฟสกี้ แม้ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าถิ่นพยายามอย่างหนักที่จะทำประตูตีเสมอ แต่ "อินทรีเหล็ก" ก็ต้านเอาไว้ได้ และคว้าชัยชนะแรกในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ได้สำเร็จ ASIA369
"ผมพอใจกับชัยชนะ แต่ก่อนที่พวกเขาจะมาทำประตูได้ เราน่าจะยิงเพิ่มได้อีกสามหรือสี่ลูกด้วยซ้ำ และบางจังหวะ เราก็เสียบอลกันง่ายเกินไป" เลิฟ กล่าวหลังเกม
ขณะที่ กินเทอร์ ชี้ว่า ยังไม่ใช่ฟอร์มที่น่าประทับใจสำหรับทีมแชมป์โลก 4 สมัย "มันเป็นชัยชนะที่มีความสำคัญมาก แต่เราไม่สามารถคว้าโอกาสที่มี และเพิ่มสกอร์เป็น 3-0 ได้ นี่ยังไม่ใช่เกมที่ดีสำหรับเรา"
ทั้งนี้ เยอรมนี ขึ้นมารั้งอันดับสองของกลุ่มสี่ โดยมี 5 คะแนน จากการลงแข่ง 3 นัด ตามหลัง สเปน ทีมจ่าฝูง 2 คะแนน
รางวัลอันมีค่า! 3 แข้งชายที่ยังเล่นอยู่แล้วมีเครื่องราชฯ อันทรงเกียรติ

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงจะจำวันที่ 9 ตุลาคม ปี 2020 ไปตลอดทั้งชีวิตของเขา หลังจากมันมีการประกาศว่าเขาจะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น เอ็มบีอี หลังจากที่เขาช่วยระดมทุนหาอาการให้กับเหล่าเด็กๆ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงยังต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้รัฐบาลยังแจกอาหารฟรีให้กับหนูๆ ต่อไปด้วย
สำหรับคนในสหราชอาณาจักรแล้วนั้น การได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มันถือว่ามีเกียรติอย่างมาก โดยที่ผ่านมาก็มีอดีตนักฟุตบอลหลายคนที่เคยได้รับเกียรติแบบนี้ อย่างเช่น อลัน เชียเรอร์, เดวิด เบ็คแอม, ไรอัน กิ๊กส์ และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นต้น ขณะที่ถ้านับเฉพาะนักเตะชายที่ยังค้าแข้งอยู่นั้น นอกจาก แรชฟอร์ด แล้วมันก็มีอีก 3 คนที่ถือครองเครื่องราชอิสริยาภรณ์อยู่ ลองไปดูดีกว่าว่ามีใครบ้าง
- สตีเว่น เดวิส แฟนบอลหลายคนอาจจะไม่คุ้นหูชื่อของ เดวิส เท่าไหร่นัก เพราะในอังกฤษเขาเคยเล่นให้เพียง แอสตัน วิลล่า, ฟูแล่ม และ เซาธ์แฮมป์ตัน เท่านั้น ส่วนในสกอตแลนด์นั้นเขาอยู่กับ เรนเจอร์ส ทีมดังของแดนวิสกี้ 2 รอบ ทั้งระหว่างปี 2008-2012 และ 2019 จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนของไอร์แลนด์เหนือนั้น เดวิส คือหนึ่งในตำนานที่ยังมีชีวิต เพราะเขาเล่นให้ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือชุดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2005 โดยถ้านับจนถึงตอนนี้เขาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 120 นัด แถมก่อนหน้านี้ยังเล่นให้ทีมเยาวชนของบ้านเกิดมาเกือบทุกชุดด้วย
การรับใช้ชาติที่ยาวนานแบบนั้นทำให้ถึงแม้ เดวิส จะไม่ใช่นักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ แต่เขาก็ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเอ็มบีอีไปเมื่อปี 2017 โดยเจ้าตัวเคยเปิดใจว่า "มันคาดไม่ถึงเลย มันนับเป็นเกียรติอย่างมาก และจะเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต"
- เจอร์เมน เดโฟ ถ้าเทียบกับ เดวิส แล้วนั้น ชื่อของ เดโฟ ก็น่าจะคุ้นหูแฟนบอลทั่วไปมากกว่า จากการที่เขาเคยโลดแล่นในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีเป็นเวลานาน, เคยอยู่กับทีมใหญ่อย่าง สเปอร์ส รวมถึงเคยติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ด้วย

สำหรับ เดโฟ นั้น ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น โอบีอี เมื่อปี 2018 ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม เดโฟ ถึงเข้าลิสต์นี้ทั้งที่ถ้าว่ากันจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ใช่นักเตะที่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่สาเหตุที่ทำให้เขาได้รับเกียรติระดับนั้นมันมาจากเรื่องที่ยิ่งใหญ่พอๆ กับการเล่นฟุตบอล หรืออาจจะยิ่งใหญ่กว่าด้านลูกหนังด้วยซ้ำ เพราะมันมาจากการที่เขาก่อตั้งองค์กรการกุศล เจอร์เมน เดโฟ ฟาวน์เดชั่น ขึ้นมา โดยองค์กรดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ไร้บ้านที่ถูกรังแกในย่าน เซนต์ ลูเซีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของครอบครัวของเขา
"ตอนที่ผมได้รับการติดต่อจากคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะผมกำลังพักร้อนอยู่ ท่านบอกกับผมว่า -นี่ลูกนั่งนิ่งๆ อยู่รึเปล่า ?- ตอนแรกผมคิดว่ามันจะเป็นข่าวร้ายซะอีก มันเป็นธรรมดาที่คนจะคิดกันแบบนั้น ดังนั้นผมเลยยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม แต่แล้วคุณแม่ของผมท่านก็เริ่มร้องไห้ออกมา ผมรู้ว่าท่านไม่ได้แกล้งผมแน่ๆ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื้นตันใจสุดๆ" เดโฟ เคยเปิดอกถึงเรื่องนั้น
- แฮร์รี่ เคน การเป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึก ฟุตบอลโลก 2018 และพาทีมชาติอังกฤษไปถึงรอบรองชนะเลิศในรายการดังกล่าวได้ทำให้ แฮร์รี่ เคน ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น เอ็มบีอี ไปเมื่อปี 2019 ซึ่งมันก็ถือว่าคู่ควรแล้วที่เขาจะได้รับเกียรตินี้ และยิ่งน่าทึ่งขึ้นไปอีกเมื่อเขาได้มันทั้งที่ตอนนั้นอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น

หลังจากได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้วนั้น เคน ก็เปิดใจด้วยความซาบซึ้งว่า "มันนับเป็นเกียรติอย่างแท้จริง ผมรู้สึกภูมิใจทั้งต่อตัวเองและครอบครัวของผม ผมขอขอบคุณเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษและเหล่าสตาฟฟ์โค้ชสำหรับเรื่องในครั้งนี้"
ความคิดเห็น