ฟานไดค์รับตอนแรกกลัวต้องรอฉลองนัดหน้า
- aywutwork2020
- 3 ก.ค. 2563
- ยาว 3 นาที

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลัง ลิเวอร์พูล ระบุ ตอนที่ แมนฯ ซิตี้ ตีเสมอ เชลซี ได้นั้น ตนก็ประหม่าเหมือนกัน เพราะนึกว่าจะต้องรอฉลองแชมป์ในนัดหน้า พร้อมบอกว่าสุดภูมิใจที่ได้อยู่ในทีมชุดนี้ และได้เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก
เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังคนเก่งของ ลิเวอร์พูล ยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกประหม่า และกลัวว่าอาจจะยังไม่ได้ฉลองแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากที่ตอนแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถตีเสมอ เชลซี ได้ ก่อนที่สุดท้าย "เรือใบสีฟ้า" จะแพ้ไป 1-2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ด้วยความที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไปได้ 4-0 ก่อนแล้ว ทำให้ถ้าเกิด แมนฯ ซิตี้ ไม่ชนะเกมกับ เชลซี "หงส์แดง" ก็จะได้แชมป์ไปครองแบบเป็นทางการโดยปริยาย ซึ่งนัดดังกล่าว เชลซี นำก่อนจาก UFA23 คริสเตียน พูลิซิช ในนาทีที่ 36 และถึงแม้ เควิน เดอ บรอยน์ จะยิงฟรีคิกสุดสวยช่วยให้ทีมเยือนตีเสมอได้ในนาทีที่ 55 แต่สุดท้าย เชลซี ก็มาได้ประตูชัยจากลูกจุดโทษของ วิลเลี่ยน ในนาทีที่ 78
ฟาน ไดค์ เผยว่า "มันเป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อ เราเล่นกันได้สุดยอดมากๆการได้เป็นส่วนหนึ่งของนักเตะกลุ่มนี้ และได้เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางครั้งนี้มันนับเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสุดๆ และผมก็ภูมิใจมากๆ ที่สามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก" แทงบอลเงินสด
"แน่นอนว่าผมดูเกมที่ว่า (เชลซี กับ แมนฯ ซิตี้) ด้วย ที่จริงปกติแล้วผมไม่ใช่พวกที่ดูเกมการแข่งขันบ่อยนักหรอก แต่นัดนี้มันเหมือนกับว่าเตะกันนนานมากๆ และจะไม่มีวันจบเลย ตอนที่ เควิน ยิงฟรีคิกเข้าไปน่ะผมรู้สึกประหม่าเลยล่ะทั้งที่ผมไม่ได้รู้สึกประหม่ามานานมากแล้ว แต่มันก็เป็นลูกฟรีคิกที่สวยจริงๆ ล่ะนะ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นมันก็เป็นช่วงเวลาแห่งการฉลอง และเราก็ภูมิใจกันมากๆ เอาจริงๆ เลยนะ ผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง"
เจอร์ราร์ดนำทีมเด็กเก่าหงส์ร่วมยินดีลิเวอร์พูลฉลองแชมป์ลีก

อดีตแข้งบางรายของ ลิเวอร์พูล โพสต์ฉลองและยินดีกับการที่ "หงส์แดง" ได้แชมป์ ส่วนคนดังในวงการกีฬาบางคน และทีมฟุตบอลบางรายก็ออกมายินดีกับทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เช่นกัน
อดีตนักเตะหลายคนของ ลิเวอร์พูล ออกมาร่วมฉลองและแสดงความยินดีทาง ทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง กับการที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 ไปครองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ทำผลงานในลีกได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้พวกเขาใกล้ที่จะได้แชมป์ตั้งแต่หลายเดือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พวกเขาต้องรอการการันตีแชมป์มาจนถึงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ เชลซี 1-2 จนทำให้ไม่มีทางไล่ "หงส์แดง" ได้ทันเป็นที่แน่นอนแล้ว
ทันทีที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ บรรดาอดีตแข้งของทีมก็ออกมาโพสต์ข้อความเชิงยินดีกันอย่างเต็มที่ อาทิเช่น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่บอกว่า "ขอแสดงความยินดีกับทุกคนของ @liverpoolfc กับการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก นี่เป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมจากขุมกำลังชั้นยอดซึ่งเต็มไปด้วยนักเตะฝีเท้าดี, ได้รับการชี้นำโดยผู้จัดการทีมและทีมโค้ชระดับโลก และยังมีการสนับสนุนจาก เอฟเอสจี ที่ต้องกล่าวถึงเป็นพิเศษด้วย นอกจากนี้ คนกลุ่มสุดท้ายที่ต้องโดนกล่าวถึงและเป็นกลุ่มคนที่สำคัญที่สุดก็คือแฟนบอลที่รอคอยแชมป์มานาน 30 ปี เอาล่ะ มาเริ่มปาร์ตี้กันได้เลย", เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่โพสต์ว่า "#19" ซึ่งสื่อถึงการเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 19 พร้อมกับโพสต์รูปตัดต่อที่เอา แกรี่ เนวิลล์ ตำนานแบ็กขวา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเพื่อนซี้ของเขามาใส่เสื้อ ลิเวอร์พูล โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพตอนที่ เนวิลล์ เปิดแชมเปญฉลองตอน ลิเวอร์พูล แพ้ วัตฟอร์ด, ไมเคิ่ล โอเว่น ที่พิมพ์ว่า "ขอแสดงความยินดีด้วย @LFC นี่เป็นฤดูกาลที่น่าเหลือเชื่อ และพวกคุณก็เป็นทีมที่ดีกว่าทีมอื่นๆ เยอะมาก" และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่บอกว่า "ขอแสดงความยินดีกับทุกคนของ @LFC สำหรับการได้แชมป์ @premierleague นี่เป็นขุมกำลังที่ยอดเยี่ยม, มีผู้จัดการทีมที่เก่ง, มีสตาฟฟ์ที่สุดยอด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือผมขอแสดงความยินดีกับแฟนบอล ลิเวอร์พูล ทุกคนจากใจจริง พวกคุณรอเวลานี้มานนา และในที่สุดแชมป์ที่รอคอยก็ตกเป็นของพวกคุณแล้ว พวกคุณสมควรได้แชมป์มากๆ" เป็นต้น
นอกจากนี้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตยอดกองหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ร่วมแสดงความยินดีเช่นกัน "ขอแสดความยินด้วย @LFC ชนะได้ทั้ง 28 เกมจากการลงเล่น 31 นัด ผมทำอะไรไม่ได้นอกไปจากการชมพวกคุณ! พวกคุณสมควรได้แชมป์อย่างมาก ความกระหายแชมป์ไม่เคยจางหายไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ชวดแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อนทั้งที่ตอนนั้นก็เล่นได้ดีมากๆ พวกคุณมีจิตใจที่แข็งแกร่งสุดๆ" ส่วน เลบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลระดับโลกของ ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส ซึ่งมีหุ้นอยู่กับ ลิเวอร์พูล ก็โพสต์ยินดีว่า "เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก แล้ว!!!! ฉลองกันเลย"
ขณะที่ทีมฟุตบอลบางทีมก็ออกมาแสดงความยินดีกับ ลิเวอร์พูล ด้วย อย่างเช่น แมนฯ ซิตี้ ที่พิมพ์ว่า "ขอแสดงความยินดีกับ @LFC กับการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก", ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่บอกว่า "ยินด้วย @LFC คู่ควรแล้ว", เชลซี ที่โพสต์ว่า "ขอแสดงความยินดีด้วย @LFC คุณสมควรเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้" และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่บอกว่า "ยินดีด้วย @LFC กับการที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก! ยินดีด้วยนะ คล็อปโป้! (หมายถึง เจอร์เก้น คล็อปป์)" เป็นต้น
เหนือกว่าจริง!เป๊ปร่วมยินดีลิเวอร์พูลซิวแชมป์

โจเซป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ร่วมยินดีที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปนอนกอด พร้อมยอมรับว่าฤดูกาลนี้ทีมของตนทำผลงานได้ย่ำแย่จนทำให้โดน "หงส์แดง" ทิ้งห่างแบบไกลสุดกู่
โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมแสดงความยินดีกับ ลิเวอร์พูล ที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 ไปครองอย่างเป็นทางการ ภายหลัง "เรือใบสีฟ้า" ออกไปแพ้ เชลซี 1-2 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา จนทำให้ไม่มีทางไล่ "หงส์แดง" ได้ทันแล้ว
ด้วยความที่ แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ลีกมา 2 ซีซั่นติดต่อกันก่อนหน้านี้ และฤดูกาลที่แล้วก็ขับเคี่ยวกับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างสูสี ทำให้หลายคนมองว่าในซีซั่น 2019-20 ทั้ง 2 ทีมจะเบียดลุ้นแชมป์กันสนุก แต่กลับกลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้เหนือกว่าเยอะจนได้แชมป์ไปครอง โดยตอนนี้พวกเขาก็ทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ ไปมากถึง 23 คะแนนแล้ว
จะเกิดขึ้นไหมในยุคโควิด ! จับตา แมน ซิตี้ ตั้งแถวเกียรติยศต้อนรับ ลิเวอร์พูล

ความพ่ายแพ้ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีต่อ เชลซี 1-2 เมื่อค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการหยิบยื่นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ และเป็นการสิ้นสุดการรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดในประเทศเป็นเวลา 30 ปีลงเรียบร้อยแล้ว
"หงส์แดง" ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ เกือบประสบความสำเร็จเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยพวกเขาพลาดแชมป์ลีกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น และในฤดูกาลนี้ทัพ "หงส์แดง" แสดงให้เห็นถึงสปริตินักสู้ด้วยการไล่เก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น โดยทำแต้มทิ้งห่าง "เรือใบสีฟ้า" ตั้งแต่ช่วงกลางซีซั่น พวกเขาพลาดเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 เกมในช่วงปี 2019 และมีลุ้นที่จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่าย แต่น่าเสียดายที่ต้องมาโดน วัตฟอร์ด ดับฝัน ก่อนที่เกมพรีเมียร์ลีก ต้องเจอวิกฤติเมื่อโดนเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดส่งผลให้ต้องพักการแข่งขันชั่วคราว หลังจากที่เกมลีกรีสตาร์ท เกมแรกคือการทำศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ กับ เอฟเวอร์ตัน โดยผลการแข่งขันจบลงแบบไร้สกอร์ ก่อนที่พวกเขาจะมาระเบิดฟอร์มไล่ถลุง คริสตัล พาเลซ 4-0 นั่นทำให้ทีมเก็บแต้มไปถึง 86 คะแนน ทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ 23 แต้ม และต้องการแค่ 2 คะแนน หรือลุ้นไม่ให้ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้าชัยชนะ ก็เพียงพอที่จะได้ฉลองแชมป์ที่รอคอยมานาน
งานนี้ต้องขอบคุณ แฟร้งค์ แลมพาร์ด และขุนพลเชลซี ที่จัดการหักเสากระโดงเรือใบ ส่งให้ ลิเวอร์พูล เถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับเรื่องที่น่าสนใจนั่นก็คือในแมตช์ต่อไป ลิเวอร์พูล มีคิวต้องเดินทางไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ ในฐานะแชมป์ลีก ก็ไม่มีอุปสรรคเมื่อสภากีฬาเมืองแมนเชสเตอร์ อนุมัติให้เกมนี้จัดขึ้นที่สนามเหย้า "เรือใบสีฟ้า" ตามเดิม
ฉะนั้นจึงมีคำถามเกิดขึ้นว่าก่อนที่แมตช์นี้จะเปิดฉากขึ้นบรรดานักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็นแชมป์เก่าเมื่อซีซั่น 2018/2019 จะยืนเข้าแถวเกียรติยศเพื่อปรบมือเป็นเกียรติให้กับแชมป์ใหม่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่เป็นรองแชมป์ซีซั่นที่แล้ว หรือไม่ เนื่องจากตามพิธีการนี้ไม่มีการบังคับว่าให้ทุกสโมสรต้องยืนตั้งแถวเกียรติยศ แม้ว่าพวกเขาต้องพบกับทีมแชมป์ลีกก็ตาม ฉะนั้นพิธีฉลองนี้เป็นการยินยอมพร้อมใจของ 2 สโมสรที่จะพบกันว่ายินดีที่จะให้มีการตั้งแถวเกียรติยศก่อนที่จะฟาดแข้งกันหรือไม่
สำหรับในประเทศอังกฤษ วัฒนธรรมในการตั้งแถวเพื่อเป็นเกียรติให้กับแชมป์เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเคารพ และให้เกียรติสโมสรที่ดีที่สุดในฤดูกาลนั้นๆ โดยประเพณีปฎิบัติแบบนี้เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้มีการออกมาตรการและกฎใหม่จากพรีเมียร์ลีก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกสอง โดยแต่ละทีมจะต้องแยกกันลงสนาม ซึ่งทีมเยือนจะได้สิทธิ์ลงไปก่อน เพื่อเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม ก่อนที่เจ้าบ้านจะเดินเข้ามาในสนาม
ดังนั้น หากต้องยึดมาตรการอย่างเคร่งครัดนั่นหมายความว่าการตั้งแถวเกียรติยศเพื่อปรบมือให้แชมป์ลีกอาจจะถูกปฏิเสธ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และ ลิเวอร์พูล คงต้องรอคอยการตั้งแถวเกียรติยศภายหลัง อย่างไรก็ตาม หาก ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เห็นพ้องต้องกันว่าอยากให้มีการจัดแถวเกียรติยศในครั้งนี้ พวกเขาก็จะต้องมองหาทางเลือกอื่นๆ ที่สอดคล้องกับมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งก็ต้องลุ้นกันว่าทั้ง 2 ทีมจะมีแนวคิดแบบไหนเพื่อที่จะให้พิธีนี้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ การตั้งแถวปรบมือให้กับทีมแชมป์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ใน พรีเมียร์ลีก เพราะว่า อาร์เซน่อล เคยทำอย่างนั้นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2012/13 ส่วน ลิเวอร์พูล ก็เคยทำเรื่องแบบเดียวกันให้ เชลซี ในฤดูกาล 2014/15 มาแล้ว ขณะเดียวกัน เชลซี ก็ตั้งแถวปรบมือให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่น 2015/16 เช่นกัน
เพอร์เฟค "ฟาน ไดค์"!"เดลี่ เมล" ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก2019/20

สิ้นสุดการรอคอย 30 ปี สำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" เพราะตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ลิเวอร์พูล คือ "แชมเปี้ยนส์" ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019/20 หลังจากที่เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพลาดท่าแพ้ เชลซี 1-2 เท่ากับเป็นการมอบตำแหน่งแชมป์ให้กับ "หงส์แดง" ทันที ซึ่งล่าสุดทาง เดลี่ เมล สื่อชั้นนำของอังกฤษ ก็ได้มีการตัดเกรด 21 ขุนพลทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ฤดูกาลนี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อย
* ผู้รักษาประตู *
- อลีสซง เบ็คเกอร์: 9/10
- อาเดรียน : 6/10
กองหลัง
- เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : 8/10
- โจ โกเมซ : 8/10 - โฌแอล มาติป : 6/10
เดยัน ลอฟเรน : 6/10
- เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 10/10
- แอนดี้ โรเบิร์ตสัน : 8/10
- ฟาบินโญ่ : 7/10
- จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : 9/10
- เจมส์ มิลเนอร์ : 7/10
- จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม : 8/10 - นาบี เกอิต้า : 6/10
- อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน : 7/10
- อดัม ลัลลานา : 6/10 - เซอร์ดาน ชากิรี่ : 4/10
"เฮนโด้" ชู "คล็อปป์" พาลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ซูฮกกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้ที่นำความยิ่งใหญ่กลับสู่ถิ่น แอนฟิลด์ พร้อมระบุ คล็อปป์ ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างภายในทีม
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล กล่าวชื่นชมกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่า เป็นผู้ที่นำพาสโมสรกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง หลังจากที่ล่าสุด "หงส์แดง" การันตีตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019/20 เรียบร้อย และถือเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของสโมสร หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพลาดท่าแพ้ เชลซี 1-2 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ตกเป็นของ ลิเวอร์พูล เนื่องจาก "เรือใบสีฟ้า" ยังไงก็ไม่สามารถทำคะแนนไล่ทัน กับโปรแกรมที่เหลืออีก 7 นัด เพราะตามหลังถึง 23 แต้ม
"มันเป็นความรู้สึกที่ผมอธิบายไม่ถูกไม่เหมือนกัน ผมเคยพูดเอาไว้หลังจากที่เราได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้วว่า เราคงทำไม่สำเร็จ หากไม่มีผู้จัดการทีมคนนี้ (คล็อปป์) และกับความสำเร็จครั้งนี้ มันก็ยังเป็นแบบนั้นเช่นกัน"
"ไม่ใช่ผมไม่เคารพผู้จัดการทีมของเราคนก่อนๆ นะ แต่นับตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ เขาได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง และเราก็ทำทุกอย่างตามที่เขาพูด เราเชื่อฟังเขา และเชื่อมั่นในตัวเขา" กัปตันเฮนโด้ เปิดใจ
ความคิดเห็น