เป๊ปชูคู่เซนเตอร์แบ็กฟอร์มแกร่งเกมเชือดเชฟฯยูไนเต็ด
- aywutwork2020
- 6 พ.ย. 2563
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 9 ธ.ค. 2563
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยกเครดิตให้คู่ปราการหลังตัวกลาง หลังบุกไปเชือด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 พร้อมแย้มอาจมีการปรับเปลี่ยนทีมในเกมยุโรปช่วงกลางสัปดาห์หน้า

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นเกมรับอันแข็งแกร่งของ เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ และ รูเบน ดิอาส คู่เซนเตอร์แบ็กหลัก หลังจากที่ "เรือใบสีฟ้า" บุกไปเบียดเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านทา
เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูชัย สล็อต ได้เงินจริง ในนาทีที่ 28 จากการยิงไกลของ ไคล์ วอล์คเกอร์ แต่ เป๊ป เลือกยกเครดิตให้กับ ลาป๊อร์กต์ และ ดิอาส มาเป็นพิเศษ ที่ช่วยกันเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และเปิดโอกาสให้ทีมเจ้าถิ่นมีโอกาสยิงตรงกรอบทั้งเกมแค่หนเดียวเท่านั้น "พวกเขา (ดิอาส กับ ลาป๊อร์กต์) เล่นด้วยกันมาตลอดในช่วงหลายเกมหลัง และพวกเขาก็เล่นกันได้ดีมากๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเลยสำหรับเรา ทั้งสองกำลังเล่นได้ดี ฤดูกาลก่อนเรามีปัญหาตรงจุดนี้ กับการที่ไม่มีสองเซนเตอร์แบ็กที่ทำผลงานได้ดีแบบคงเส้นคงวา แต่แน่นอนว่า เราต้องมีการหมุนเวียนนักเตะ เราต้องการนักเตะทุกคน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้งานพวกเขาทุกๆ เกม" "เราพอใจมากๆ กับฟอร์มของพวกเขา แต่เกมกับ โอลิมเปียกอส (เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก วันอังคารที่ 3 พ.ย.นี้) เราจำเป็นต้องคิดถึงการปรับเปลี่ยนทีม และหมุนเวียนนักเตะ เพราะเรามีโปรแกรมเตะเยอะมาก แบบว่า 5 เกม ภายใน 16 วันเลยทีเดียว" ยอดกุนซือชาวสแปนิชวัย 49 ปี กล่าวหลังเกม

ใช่เลย!แลมพาร์ดชม "ซิเยค" เล่นได้ตามที่หวัง
ฟอร์มแบบนี้ใช่เลย... แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี ชู ฮาคิม ซิเยค เล่นได้ตามที่หวังในเกมบุกกระซวก เบิร์นลี่ย์ 3-0 พร้อมอวย ติอาโก้ ซิลวา กับ เอดูอาร์ เมนดี้ เข้ามาช่วยยกระดับเกมรับได้เยี่ยม
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี กล่าวชื่นชม ฮาคิม ซิเยค ปีกจอมพลิ้วชาวโมร็อกกันว่า ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเล่นได้ตามที่ตนคาดหวังเอาไว้ หลังจากที่นักเตะทำ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุดที่ "สิงห์บลูส์" บุกไปถล่ม เบิร์นลี่ย์ 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซิเยค ทำประตูขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 26 ก่อนที่จะแอสซิสต์ให้ ติโม แวร์เนอร์ กดประตูปิดท้ายในนาทีที่ 70 จากนั้นก็ถูกเปลี่ยนตัวออกในอีก 3 นาทีต่อมา ซึ่งถือเป็นฟอร์มที่ดีต่อเนื่องสำหรับ ดาวเตะวัย 27 ปี ที่เพิ่งย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อช่วงซัมเมอร์ หลังทำได้ 1 ประตู ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่บุกไปต้อน เอฟซี คราสโนดาร์ 4-0 เมื่อวันพุธที่้ 28 ตุลาคม "ผมคาดหวังจากเขามาก เพราะผมรู้ซึ้งดีถึงคุณภาพของเขา ทั้งสายตาการผ่านบอล, รับบอล, ครอสบอล และแอสซิสต์ เขาเป็นคนที่ต้องการบอล ASIAXX1 ตลอดเวลา และก็ทำงานได้ดีมากๆ ยามไม่มีบอลด้วยเช่นกัน เขาได้นำคุณภาพมาสู่ทีมเรา ซึ่งช่วยเราได้เยอะ การเล่นสองเกมภายในระยะเวลาไม่กี่วัน ถือเป็นบททดสอบที่ดีสำหรับเขา หลังจากที่พักแข้งไปนาน ถือเป็นการออกสตาร์ทที่ดีสำหรับตัวเขา" นายใหญ่ เชลซี กล่าว
ถือเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่ เชลซี เก็บคลีนชีตได้ ซึ่ง แลมพาร์ด ก็ยกความดีความชอบให้กับ ติอาโก้ ซิลวา เซนเตอร์แบ็กจอมเก๋าชาวบราซิเลียน และ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูทีมชาติเซเนกัล ที่เข้ามาช่วยยกระดับเกมรับให้ทีม "การเก็บคลีนชีตได้แบบติดๆ กันแบบนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความแข็งแกร่งภายในทีม ติอาโก้ ซิลวา และ เอดู เมนดี้ เข้ามาช่วยทีมได้เยอะมาก แต่เราก็ช่วยกันเล่นเกมรับเป็นทีมด้วย ผมจะไม่ลิงโลดอะไรมากกับชัยชนะแบบนี้ แต่ถือเป็นวันที่ดีสำหรับเรา" แลมพาร์ด ระบุ

โชต้าซูเปอร์ซับ! ซัดชัยพาลิเวอร์พูลเฉือนหืดเวสต์แฮม แซงนำจ่าฝูง
แชมป์เก่า ลิเวอร์พูล ต้องออกแรงเหนื่อยสุดๆ กว่าจะเบียดเอาชนะ เวสต์แฮม ในบ้านได้อย่างหวุดหวิด 2-1 โดยได้ฮีโร่อย่าง ดีโอโก้ โชต้า ตัวสำรองที่ลงมาซัดประตูชัยพา "หงส์แดง" เก็บสามแต้ม มีเพิ่มเป็น 16 คะแนน แซง "ทอฟฟี่" ขึ้นนำจ่าฝูงในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
สนาม : แอนฟิลด์
เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 7 คู่สุดท้ายของวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา "แชมป์เก่า" ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูง เปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ เวสต์แฮม ทีมอันดับ 13 เจอร์เก้น คล็อปป์ มีปัญหาคู่เซ็นเตอร์ที่บาดเจ็บทำให้เกมนี้ใช้ โจ โกเมซ กับนาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ ส่วนแนวรุกยังเป็นสามประสานเหมือนเดิมทั้ง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ส่วนทางฝั่งของ เดวิด มอยส์ เกมนี้ไร้ มิคาอิล อันโตนิโอ ที่เจ็บทำให้ใช้ เซบาสเตียง อัลแลร์ เป็นหน้าเป้า ออกสตาร์ทเกมมาได้แค่ 10 นาที กลายเป็น "ขุนค้อน" ที่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ อาร์กตูร์ มาซูอากู ครอสบอลไปหน้าประตู โจ โกเมซ สกัดไม่ดี กลายเป็นโขกให้ ปาโบล ฟอร์นัลส์ ที่ยืนอยู่หน้าประตูพักอกก่อนเลือกยิงด้วยขวาไม่ถึง 15 หลาเบียดเสาเข้าไป โอกาสลุ้นหนแรกของ "หงส์แดง" ต้องรอถึงนาทีที่ 25 ซาลาห์ แปบอลจังหวะเดียวให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดเข้าไปแต่เหลี่ยมไม่ดีโดนแนวรับเวสต์แฮมเบียดไป แต่บอลยังชุลมุนในกรอบก่อนจะมาถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลคืนแถวสองให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งมาปั่นเลียดถากเสาแรกไปแบบได้เสียว นาที 39 เจ้าบ้านมาได้ลุ้นจากฟรีคิกนอกกรอบกว่า 23 หลา แต่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงไปติดกำแพง กระนั้น นาที 41 "หงส์แดง" มาได้ลูกที่จุดโทษหลังอาร์กตูร์ มาซูอากูไปทำฟาวล์เตะใส่ ซาลาห์ ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน เควิน เฟรนด์ ชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะลุกมาสังหารเข้าไปไม่พลาดให้ ลิเวอร์พูล ไล่ตีเสมอ เวสต์แฮม 1-1
จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เสมอ เวสต์แฮม 1-1
กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง นาที 49 "หงส์แดง" ได้ฟรีคิกหน้ากรอบ เทรนท์ อาร์โนลด์ ตักบอ เข้าไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โขกไม่ถนัดบอลเบาไปเข้ามือ ฟาเบียนสกี้ อีกนาทีถัดมา "ขุนค้อน" สวนกลับมาเร็ว บอลขึ้นทาง อาร์กตูร์ มาซูอากู ครอสเลียดไปเสาแรกให้ ปาโบล ฟอร์นัลส์ พุ่งมาเหยียดขาแต่บอลโดนไม่เต็มเท้าไปเข้ามือ อลีสซง รับไว้สบาย นาที 65 เซ็นเตอร์แบ็กเจ้าถิ่นเกือบเล่นกันพลาดหลังขึ้นไปชิงลูกกลางอากาศแต่โดน เซบาสเตียง อัลแลร์ เอาชนะเช็ดต่อให้ ปาโบล ฟอร์นัลส์ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายในกรอบแต่ยังดีไปติดบล็อค แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน นาที 68 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นขึ้นนำบ้างหลัง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขวางบอลยาวไปซ้ายให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หลุดเข้าไปก่อนจะซัดมุมแคบไปติดขา ลูคัส ฟาเบียนสกี้ นาที 70 เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนสองคนรวดส่ง เซอร์ดาน ชากิรี่ และดีโอโก้ โชต้า ไปแทนเคอร์ติส โจนส์ และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เจ้าบ้านยังสร้างโอกาสได้อีก นาที 73 เทรนท์ ตักบอลข้ามหัวแนวรับขุนค้อนมาเสาแรกให้ ซาดิโอ มาเน่ พักบอลลงก่อนไหลคืนหลังให้ ซาลาห์ ตะบันด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไป นาที 77 โชต้า พาบอลขึ้นมาในกรอบแล้วหักเข้ากลางให้ ซาดิโอ มาเน่ ซัดไปติดเซฟของ ฟาเบียนสกี้ บอลกระฉอกก่อนเปลี่ยนทางมาเข้าทาง โชต้า ตามซ้ำเข้าไป ทว่าผู้ตัดสินเช็กกับ VAR ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีจังหวะฟาวล์ก่อนหน้านั้น ก่อนที่ เควิน เฟรนด์ จะวิ่งไปดูภาพช้าข้างสนาม แล้วไม่ให้ประตูแก่เจ้าตัว เนื่องจากก่อนบอลมาถึง โชต้า ซาดิโอ มาเน่ ไปเข้าฟาวล์ใส่ อันเจโล่ อ็อกบอนน่า ก่อน ทำให้เจ้าถิ่นชวดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย กระนั้น นาที 85 "หงส์แดง" มาได้ประตูแซงขึ้นนำ 2-1 ได้สำเร็จ จากสองทีเด็ดตัวสำรองอย่าง เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่แทงทะลุช่องให้ ดีโอโก้ โชต้า หลุดเข้าไปซัดผ่านตัว ลูคัส ฟาเบียนสกี้ เสียบมุมตาข่าย
จบเกม ลิเวอร์พูล เฉือนเอาชนะ เวสต์แฮม หวุดหวิด 2-1 เก็บสามแต้มมีเพิ่มเป็น 16 คะแนน แซง เอฟเวอร์ตัน ที่แข่งน้อยกว่าขึ้นนำจ่าฝูง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - เคอร์ติส โจนส์ (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.70), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม - โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.90), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ดีโอโก้ โชต้า น.70), ซาดิโอ มาเน่
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (5-4-1) : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ - วลาดิเมียร์ ชูฟาล, ฟาเบียน บัลบูเอน่า, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, อารอน เครสส์เวลล์, อาร์กตูร์ มาซูอากู (มานูเอล ลันซินี่ น.88) - จาร์ร็อด โบเว่น (ซาอิด เบนราห์ม่า น.89), เดแคลน ไรซ์, โทมัส ซูเช็ค, ปาโบล ฟอร์นัลส์ - เซบาสเตียง อัลแลร์ (อังเดร ยาร์โมเลนโก้ น.74)
ผู้จัดการทีม : เดวิด มอยส์
ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์
ความคิดเห็น