ไม่ไหว!อันเช่จวกแนวรับเอฟเวอร์ตันเสียประตูง่ายทำพ่ายแมนยู
- aywutwork2020
- 10 พ.ย. 2563
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 9 ธ.ค. 2563
คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือ เอฟเวอร์ตัน จวกลูกทีมเล่นเกมรับกันอ่อนปวกเปียก หลังพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน 1-3 แต่มั่นใจ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" จะกลับมาคืนฟอร์มเก่งหลังเกมทีมชาติ

คาร์โล อันเชลอตติ ผู้จัดการทีม สล็อต ได้เงินจริง เอฟเวอร์ตัน กล่าวตำหนิลูกทีมว่า เล่นเกมรับกันหละหลวมและเสียประตูง่าย หลังจากที่ทัพ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เปิดรัง กูดิสัน พาร์ค แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-3 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
เอฟเวอร์ตัน ออกตัวได้สวย โดยขึ้นนำก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 19 จากการยิงของ แบร์นาร์ด ทว่าหลังจากนั้นแค่ 6 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอได้ จากการโหม่งของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก่อนพลิกนำได้อย่างรวดเร็วจาก บรูโน่ คนเดิมในนาทีที่ 32 และนาทีที่ 90+5 "ปีศาจแดง" มาได้ประตูตอกฝาโลงจาก เอดินสัน คาวานี่ ที่ลงสนามเป็นตัวสำรอง และถือเป็นประตูแรกของเจ้าตัวภายใต้สีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย
"ปัญหาคือ หลังจากที่เราทำประตูได้ เรากลับเล่นเกมรับกันไม่ดี และไม่สามารถรักษาความได้เปรียบเอาไว้ได้ พวกเขาทำประตูใส่เราได้อย่างง่ายดาย เราบอกกันตั้งแต่ก่อนเกมแล้วว่า เราจำเป็นต้องเล่นเกมรับให้ดีกว่านี้ และเราก็ยังทำได้ไม่ดีพอ แนวรับของเราเล่นกันเชื่องช้า เราต้องทำให้ดีกว่านี้"
"ผมหวังว่า หลังพ้นช่วงพักเบรกเกมทีมชาติ เราจะกลับมาทำได้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ปัญหาในกองหลังเท่านั้น แต่ดีขึ้นทั้งทีมเลย ผมรู้วิธีการรับมือกับปัญหาต่างๆ เพราะทุกๆ ปีคุณต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ผมว่าเราสามารถกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงย่้ำแย่จริงๆ" ยอดกุนซือชาวอิตาเลียนวัย 61 ปี เปิดใจหลังเกม
ทั้งนี้ เอฟเวอร์ตัน ไม่ชนะใครเลยใน 4 เกมหลังสุด (เสมอ 1, แพ้ 3) โดยปัจจุบันรั้งอันดับห้าในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก มี 13 แต้ม จากการลงแข่ง 8 นัด ตามหลัง เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมจ่าฝูง 3 แต้ม
ซิเย็คจ่าย2-ซิลวายิงได้แล้ว! เชลซีรัว4เม็ดแซงดับเชฟยู ขึ้นที่3ก่อน
"สิงห์บลูส์" ฟอร์มสุดแจ่มเพิ่มสถิติเฮ 4 นัดติดทุกรายการ หลังล่าสุดเปิดบ้านไล่ถลุง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 4-1 ทั้งที่โดนยิงนำไปก่อน แต่มาตะบัน 4 เม็ดรวด โดย ติอาโก้ ซิลวา ยิงประตูแรกให้ทีมได้สำเร็จ ก่อนพา เชลซี คว้าสามแต้มแซง เลสเตอร์ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ก่อน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ศึกพรีเมียร์ลีก ASIAXX1 อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน เชลซี ทีมอันดับ 8 เปิดรังรับการมาเยือนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วยของตาราง
โดยฟอร์มล่าสุด "สิงห์บลูส์" ยอดเยี่ยมมากไร้พ่ายมา 7 เกมติดทุกรายการ แถมไม่เสียประตูมาถึง 5 เกมติดต่อกันแล้ว ฟอร์มล่าสุดบุกไปถล่ม เบิร์นลี่ย์ ในลีกถึง 3-0 ก่อนจะต้อน แรนส์ 3-0 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ "ดาบคู่" เชฟฯยูฯผลงานแย่ยังไม่ชนะทีมใดในลีกเลย เกมล่าสุดพ่ายคาบ้านให้ แมนฯซิตี้ 0-1
เปิดฉากมาแค่ 4 นาที "สิงห์บลูส์" ได้ลุ้นทันทีหลัง รีซ เจมส์ ครอสเลียดมาเสาแรกให้ แทมมี่ อบราฮัม ไขว้ยิงบอลเลยไปเสาไกลถึง เบน ชิลเวลล์ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเน้นๆแต่ยังไปติดเซฟของ แอรอน แรมส์เดล
ทว่า นาทีที่ 9 กลายเป็น "ดาบคู่" ที่บุกมาขึ้นนำเจ้าถิ่น 1-0 บอลเล่นสั้นที่มุมธงก่อนที่ จอร์จ บัลด็อค จะปาดมากลางประตูให้ ซานเดอร์ เบิร์ก ล้มตัวยิงไปโดนขา เดวิด แม็คโกลดริก เปลี่ยนทางเข้าประตู ชนิดที่ เอดูอาร์ เมนดี้ หมดสิทธิ์ป้องกัน ทำให้ลูกทีมของ แลมพาร์ด เสียประตูแรกในรอบ 6 เกมทุกรายการ
นาที 14 เชลซี มีโอกาลุ้นทวงประตูตีเสมอ คราวนี้ แทมมี่ อบราฮัม ได้บอลนอกกรอบก่อนจะเลี้ยงแหวกแนวรับดาบคู่เข้าไปซัดด้วยขวา แต่บอลยังไม่ห่างตัว แรมส์เดล ที่ล้มตัวรับไว้ได้
นาที 23 "สิงห์บลูส์" มาตีเสมอ 1-1 จนได้ บอลขึ้นทางฝั่งขวา ฮาคิม ซิเย็ค ตักบอลขึ้นไปให้ มาเตโอ โควาซิช ก่อนที่ห้องเครื่องชาวโครแอตจะตวัดเข้ากลางมาให้ แทมมี่ อบราฮัม วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่เต็มเท้าแต่บอลกระดอนตกพื้นหนีมือ แอรอนแรมส์เดล เสียบมุมเข้าไป
นาที 31 เชลซี พลาดโอกาสแซงขึ้นนำ หลัง ฮาคิม ซิเย็ค ปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายมาเสาไกล บอลโค้งเกือบเสียบเสาแต่โดน แอรอน แรมส์เดล พุ่งปัด บอลไปเข้าทาง ติโม แวร์เนอร์ ตามมาซ้ำแต่ไปชนคานอย่างน่าเสียดาย
"สิงห์บลูส์" โหมบุกอย่างหนัก และนาที 34 มาได้ประตูแซงขึ้นนำ "ดาบคู่" 2-1 จากความยอดเยี่ยมของ ฮาคิม ซิเย็ค ปั่นมาเสาไกลให้ เบน ชิลเวลล์ วิ่งมาชาร์ตไม่ถึง 5 หลา โดนต้นขาตัวเองเข้าไป
นาที 39 ทีมเยือนเกือบเสียประตูที่สาม หลังบอลชุลมุนหน้ากรอบ ก่อนบอลมาเข้าทาง เบน ชิลเวลล์ ซัดเสาแรกแต่ยังไปติดเซฟของ แรมส์เดล
แต่ นาที 43 "ดาบคู่" เกือบได้ลุ้นตีเสมอบ้างบอลต่อเนื่องจากลูกเตะมุม จอร์จ บัลด็อค ผ่านบอลมาให้ จอห์น ลุนด์สแตรม ซัดด้วยซ้ายแต่ยังไม่ผ่านมือของ เมนดี้ ที่เซฟไว้ได้
จบครึ่งแรก เชลซี แซงขึ้นนำ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1
ครึ่งหลัง นาที 47 "ดาบคู่" เกือบมาพลาดเสียประตู หลัง เอ็นดา สตีเว่นส์ โขกบอลคืนหลังไม่ดีโดน มาเตโอ โควาซิช ฉกบอลเข้าไปกำลังจะง้างยิงอยู่แล้ว แต่โดน คริส บาแชม ตามมาสไลด์จิ้มบอลออกหลังชนิดหวุดหวิด
นาที 64 ฮาคิม ซิเย็ค ที่วันนี้เล่นได้โดดเด่นเรียกฟรีคิกหน้ากรอบให้ทีมได้ ก่อนที่ รีซ เจมส์ จะขอปั่นด้วยขวาบอลพุ่งข้ามกำแพงแต่ยังไปติดเซฟของ แอรอน แรมส์เดล
นาที 71 แลมพาร์ด เปลี่ยนตัวคนแรกส่ง จอร์จินโญ่ ลงไปเล่นแทน มาเตโอ โควาซิช ที่มีอาการเจ็บ
นาที 77 "สิงห์บลูส์" มาได้ฟรีคิกเกือบมุมธงทางด้านขวา ฮาคิม ซิเย็ค เปิดโค้งเข้าไปเสาแรกให้ ติอาโก้ ซิลวา โขกเช็ดเปลี่ยนทางเสียบเสาไกลเข้าไปให้ เชลซี นำห่าง 3-1 และเป็นประตูแรกของแนวรับชาวบราซิเลี่ยนที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม
เท่านั้นไม่พอ นาที 81 เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สี่นำโด่ง หลังเอ็นโกโล่ ก็องเต้ เข้าไปปั้มบอลกับแข้งดาบคู่ ก่อนบอลปลิ้นทะลุช่องถึง ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปซัดผ่านตัว แอรอน แรมส์เดล เข้าไปให้ เชลซี นำขาด 4-1
จบเกม เชลซี เปิดรังไล่ถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 4-1 เก็บชัยชนะนัดที่ 4 ในฤดูกาลนี้ พร้อมแซงขึ้นไปอยู่อันดับ 3 มี 15 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ลูกได้เสียดีกว่า ทว่าแข่งมากกว่าทัพจิ้งจอกอยู่หนึ่งเกม ส่วน "ดาบคู่" ยังต้องรอชัยชนะนัดแรกต่อไป หลัง แพ้เป็นเกมที่ 7 หลังลงเล่นมา 8 นัด รั้งอยู่บ๊วยของตาราง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี (4-2-3-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ - รีซ เจมส์, ติอาโก้ ซิลวา, คูร์ท ซูม่า, เบน ชิลเวลล์ - มาเตโอ โควาซิช (จอร์จินโญ่ น.71), เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เมสัน เม้าน์ท - ฮาคิม ซิเย็ค, แทมมี่ อบราฮัม, ติโม แวร์เนอร์ (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.87)
ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด
เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) : แอรอน แรมส์เดล - คริส บาแชม, จอห์น อีแกน, เอ็นดา สตีเว่นส์ - จอร์จ บัลด็อค, ซานเดอร์ เบิร์ก, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด (เบน ออสบอร์น น.62), จอห์น ลุนด์สแตรม, แม็กซ์ โลว์ - ริยาน บริวส์เตอร์ (โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ น.63), เดวิด แม็คโกลดริก
ผู้จัดการทีม : คริส ไวล์เดอร์
ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
โซลชาหนังเหนียว! ผ่า 5 ประเด็นแมนยูคืนฟอร์มบุกปราบเอฟเวอร์ตัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาสู่เส้นทางชัยชนะอีกครั้งหลังบุกคว้าสามแต้มถึงรังของ เอฟเวอร์ตัน แน่นอนว่าชัยชนะครั้งนี้น่าจะลดความกดดันของ โซลชา ไปได้มากทีเดียวซึ่งก็ต้องชมแท็คติกของเจ้าตัวบวกกับผู้เล่นที่ตอบสนองแผนการเล่นเป็นอย่างดี เรามาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้กัน
1.วนลูปพอดี

เป็นอีกครั้งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สามารถเอาตัวรอดในเกมชี้ชะตาเก้าอี้กุนซือ ไม่แปลกใจที่ “ผีแดง” จะเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการวนลูป ซึ่งคงต้องบอกว่า เอฟเวอร์ตัน โชคไม่เข้าข้างที่มาเจอลูปชนะพอดี
อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็ต้องชมแท็คติกของ โซลชา ด้วยเพราะหลังจากเสียประตูแรก ทีมสามารถหยุดเกมรุกของ เอฟเวอร์ตัน ได้หมดจดโดยเฉพาะตัวความหวังอย่าง ฮาเมส โรดริเกซ ที่แทบไม่มีบทบาทกับเกม ขณะที่การไม่มี เยอร์รี่ มีน่า ปราการหลังร่างโย่งทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เลือกที่จะโจมตีจากลูกครอสด้านข้างซึ่งก็ได้ผลจนเป็นสองประตูพลิกแซงนำ
สิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วคือ “ผีแดง” มักจะเล่นได้ดีกับเกมที่คู่แข่งมาเปิดเกมรุกสู้ แต่เกมไหนที่เจอคู่แข่งมาแพ็คเกมรับมักจะเจอปัญหาเสมอ ซึ่งนัดหน้าหลังโปรแกรมทีมชาติการเปิดบ้านเจอกับ เวสต์บรอมฯ น่าจะต้องเจอกับการป้องกันเกมรับที่แน่นหนาแน่นอน หากเก็บผลการแข่งขันไม่ได้ก็คงจะกลับมาวนลูปสู่นัดชี้ชะตาอีกครั้ง
2.คู่กลางเพลย์เซฟ

เกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาใช้ระบบ 4-2-3-1 ที่คุ้นเคยอีกครั้ง หลังจาก 4 นัดก่อนหน้านี้ โซลชา พยายามปรับเปลี่ยนแผนการเล่นซึ่งมีทั้ง เนมานย่า มาติช, ฟาน เดอ เบ็ค, ป็อกบา คอยสอดแทรกในแผงมิดฟิลด์ตลอด แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยลงตัวนัก
สุดท้ายในเกมที่กดดันแบบนี้ โซลชา ก็กลับมาใช้บริการ เฟร็ด และ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งเป็นคู่กลางที่เก็บผลการแข่งขันได้ดีต่อเนื่องช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งสองเป็นมิดฟิลด์ที่ทำลายเกมบุกคู่แข่งได้ดีซึ่งนัดนี้พวกเขาช่วยหยุดแนวรุกของ เอฟเวอร์ตัน ได้แบบอยู่หมัด โดยเฉพาะในรายของ เฟร็ด ที่แย่งบอลกลับมาครองได้ถึง 6 ครั้ง
น่าจะเป็นคู่กองกลางที่สมดุลที่สุดในตอนนี้ ปัญหาอย่างเดียวของทั้งสองคือการออกบอลขึ้นหน้าที่ยังมีพลาดง่ายๆให้เห็นอยู่บ้าง ถ้าสองคนนี้ปรับปรุง เรื่องนี้ได้ กองกลางระดับโลกอย่าง ปอล ป็อกบา มีสิทธิ์สำรองยาวแน่นอน
3.บรูโน่อีกแล้วครับท่าน

นานแล้วเหมือนกันที่เราไม่ได้เห็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นได้ท็อปฟอร์มขนาดนี้ ฟอร์มการเล่นของเขาในฤดูกาลนี้ขึ้นๆลงๆอยู่ตลอด แต่ยังมีทั้งทำประตูและแอสซิสต์อยู่เรื่อยๆ สิ่งน่าสังเกตคือวันที่ บรูโน่ เล่นดีทั้งทีมจะเล่นดีตามไปด้วย มันแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของเขาที่มีต่อทีมมาก
มิดฟิลด์ชาวโปรตุกีสโหม่งทำประตูตีเสมออย่างเฉียบขาดซึ่งก็ต้องชมลูกครอสของ ลุค ชอว์ ที่เปิดมาอย่างแม่นยำ และอีก 7 นาทีต่อมา เขาทำประตูจากการตั้งใจครอสบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ยังโชคดีที่บอลโค้งไปชนเสาเข้าประตู ขณะที่ประตูปิดกล่อง เจ้าตัวแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างแม้จะมีมุมยิงเปิดกว้างแต่เลือกที่จะจ่ายให้ เอดินสัน คาวานี่ ทำประตู
จากการลงเล่น 11 ในฤดูกาลนี้ บรูโน่ ทำไปแล้วถึง 6 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ หรือเรียกได้ว่ามีส่วนร่วมกับประตูที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงถึง 11 ลูกจากทั้งหมด 20 ประตู
4.ทอฟฟี่เกมรับน่าห่วง

ตลอดชัยชนะ 8 นัดติดต่อกันในทุกรายการของ คาร์โล อันเชลอตติ ฤดูกาลนี้ ผู้คนพูดถึงเกมรุกของทีมกันมากทีเดียวโดยเฉพาะ ฮาเมส โรดิรเกซ และ โดมินิค คัลเวิร์ท-ลูวิน แต่ เอฟเวอร์ตัน มีปัญหาในเรื่องเกมรับควบคู่กันมาตลอด โดยพวกเขาเก็บคลีนชีทได้แค่ 2 นัดจาก 11 นัดในทุกรายการ
เกมนี้แนวรับยังคงมีปัญหาเหมือนเดิม ประตูแรกที่เสียมาจากการยืนประกบห่างของกองหลังทำให้ บรูโน่ ได้ขึ้นโหม่งแบบเดี่ยวๆ ขณะที่ประตูที่สองมาจากการครอสบอลด้านข้างอีกเช่นเคยและกองหลังก็ไม่ได้ตาม แรชฟอร์ด ที่วิ่งมาหาพื้นที่ในเขตโทษ
5 เกมหลังสุดในลีก “ทอฟฟี่” เสียประตูเกินหนึ่งลูกทุกนัด เป็นโจทย์ อันเชลอตติ ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน หากจะเกาะกลุ่มหัวตารางแบบนี้ไปยันหยดสุดท้าย
5.คาวานี่เปิดซิง/หมากสากอีกครั้ง

แม้ผลการแข่งขันจะออกมาในเชิงบวก แต่แมตช์นี้ก็ไม่ใช่เกมที่ดีนักสำหรับนักเตะบางรายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งคนที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคงเป็น อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าตัวเป้าของทีม
เจ้าตัวพลาดการลงสนามในลีกมา 3 นัดและเกมนี้เขาเกือบกลับมาอย่างสวยงามหลังมีโอกาสทองจากการเก็บตกลูกเตะมุม แต่ยิงบอลหลุดเสาไกลออกไป นอกจากนี้ยังมีจังหวะที่หลุดเดี่ยวไปยิงด้วยซ้ายแต่บอลตรงตัว พิคฟอร์ด แม้ว่าผู้ตัดสินจะให้เป็นจังหวะล้ำหน้าแต่เขาน่าจะยิงได้ดีกว่านี้ สรุปแล้วฟอร์มโดยรวมยังขาดๆเกินๆ เรื่องการไม่ได้ลงสนามคงไม่ใช่ข้ออ้างเพราะเขาได้ออกสตาร์ทตัวจริงใน ชปล. มาตลอด เจ้าตัวคงต้องทำงานหนักต่อไป
ในขณะเดียวกันเกมนี้ เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกวัยเก๋าสามารถเปิดบัญชียิงประตูแรกให้กับทีมแล้วหลังจากลงสนามในฐานะตัวสำรองมา 5 นัด น่าจะเป็นการเรียกความมั่นใจได้เป็นอย่างดี และนี่อาจจะเป็นการส่งสัญญาณถึง มาร์กซิยาล ให้ต้องรีบเค้นฟอร์มออกมาไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์จะเสียตำแหน่งตัวจริงได้
ความคิดเห็น